จังหวัด กระบี่ ระดมผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาจัดระเบียบสังคม ระบุปัญหาเยาวชนออกเที่ยวตามสถานบันเทิงเพิ่มมากขึ้น แจงผู้ปกครองอย่าเข้าข้างเด็ก
วันนี้ (19 ก.พ. ) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัด กระบี่ นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังกหวัด กระบี่ ได้เป็นประธานในการประชุมแก้ไขปัญหาจัดระเบียบสังคม ครั้งที่ 1 ประจำปี 2551 โดยมีนายชัยเลิศ ภิญโญรัตนโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัด กระบี่ พล.ต.ต.ภูวดล วุฑฒกนก ผบก.ภ.จว. กระบี่ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
ในที่ประชุมได้มีการนำเสนอปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม ชุมชน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเยาวชนออกเที่ยวสถานบันเทิงมากขึ้น หอพักนักเรียนนักศึกษาที่ขาดการจัดระเบียบที่ถูกต้อง เพื่อประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลรับผิดชอบ และวางมาตรการในการแก้ปัญหาร่วมกันต่อไป
นายชัยเลิศ ภิญโญรัตนโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัด กระบี่ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาเกี่ยวกับเยาวชนในจังหวัด กระบี่ เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เนื่องจากในปัจจุบันสถานบันเทิงในจังหวัด กระบี่ นับวันจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นปัจจุบันซึ่งมีอยู่ในทุกตำบลก็ว่าได้ เยาวชนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้เรียนหนังสือก็จะมีเวลาว่างมากขึ้น และจะมีค่านิยมที่เหมือนๆ กัน คืออยากในสิ่งที่คนอื่นทำไม่แยกแยะว่าเป็นสิ่งดีหรือไม่ เช่น ออกไปเที่ยวเตร่ตอนกลางคืน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสถานบันเทิง คาราโอเกะ เมื่อไปแล้วรู้สึกสนุก ก็จะต้องหาโอกาสไปเที่ยวอีก ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองก็ไม่สามารถห้ามปรามได้
รองผู้ว่าราชการจังหวัด กระบี่ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ปัญหาที่สำคัญ คือ เรื่องของสถานบริการที่ปิดในเวลาคาบเกี่ยว อย่างเช่น ร้านคาราโอเกะ ร้านอาหาร ตอนแรกก็ปิดตามเวลา พอนานเข้าก็ปิดเลยเวลา ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้ผู้ที่ไปเที่ยวอยู่นานขึ้น และมีกิจกรรมอื่นๆ เสริมขึ้นมา เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในทุกอำเภอ ต้องออกตรวจสอบให้ถี่ขึ้น เพราะที่ผ่านมาพบว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ออกมามาเที่ยวมากขึ้น
ด้าน นายพิมพ์ ทองทวีวิวัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัด กระบี่ กล่าวว่า ยอมรับว่า ในสถาบันการศึกษา ก็มีปัญหาเรื่องเด็กที่อยู่ตามหอพัก เที่ยวสถานบริการ คาราโอเกะ รวมไปถึงร้านเกม ซึ่งนับวันจะมีจำนวนมากขึ้นเช่นกัน แต่ในส่วนของสถาบันการศึกษาก็มีปัญหาในเรื่องข้อจำกัดเรื่องเวลา ทำให้ไม่สามารถดูแลนักเรียนนักศึกษาได้ทั้งหมด เนื่องจากมีกำหนดระยะเวลาเพียงช่วงดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงอาทิตย์ตก ดังนั้น จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกัน เพราะลำพังครูอาจารย์นั้นไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด
“ที่สำคัญ ผู้ปกครองอย่าเข้าข้างเด็กให้มากนัก เพราะที่ผ่านมาเด็กก็สามารถหลอกผู้ปกครองได้ ซึ่งทางครูอาจารย์ที่เข้าไปตรวจสอบไม่ได้บันทึกภาพไว้ เมื่อเด็กไม่รับสารภาพประกอบกับผู้ปกครองไม่เห็นกับตาก็ไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ ทั้งนี้ทุกหน่วยงานจะต้องช่วยกันสอดส่องดูแล อย่ามองว่าไม่ใช่ภาระของตนแล้วไม่สนใจ”
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์