นายสถานี อสมท กระบี่ กดดันคณะกรรมาธิการวิสามัญฯกลางงานแถลงข่าวกรณีอัดฉีดเงินโฆษณาสื่อวิทยุชุมชน อ้างผิดกฏหมาย มีเพียง อสมท รายเดียวที่มีใบเสร็จ จนทำให้วงแตก
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (4 พ.ค.) ที่โรงแรมกระบี่ รอยัล อ.เมือง จ.กระบี่ ได้มีการเปิดแถลงข่าวของคณะกรรมาธิการวิสามัญรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมประชาชนจังหวัดกระบี่ ซึ่งมี นายอภิชาติ ดำดี ประธานกรรมาธิการวิสามัญฯ มาเป็นประธาน โดยมีสื่อมวลชนพร้อมคณะกรรมาธิการ ร่วมรับฟังประมาณ 50 คน ทั้งจากวิทยุชุมชน หนังสือพิมพ์ และสื่อโทรทัศน์
นายอภิชาติ กล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่ 1 ซึ่งประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำร่างนั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการและเริ่มแจกจ่ายให้กับประชาชนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2550 ที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญที่มุ่งในการแก้ไขปัญหา 4 แนวทางหลัก คือ การคุ้มครองส่งเสริม และการขยายสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างเต็มที่ การลดการผูกขาดอำนาจรัฐและขจัดการใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม การทำให้การเมืองมีความโปร่งใส มีคุณธรรม และการทำให้ระบบการตรวจสอบมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
สำหรับการเปิดแถลงข่าวในครั้งนี้ ก็เพื่อแจ้งให้ทุกคนได้รับทราบว่า ในส่วนของจังหวัดกระบี่จะมีการจัดทำประชาพิจารณ์ครั้งที่ 2 ขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น และถือเป็นการชี้แนะ แก้ไข ปรับปรุงรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดขึ้นในวันที่ 9-10 พฤษภาคม 2550 ที่โรงแรมบุญสยาม
นายอภิชาติ กล่าวด้วยว่า สำหรับการทำประชาพิจารณ์รอบ 2 ที่จะถึงนี้ จะแบ่งออกเป็นสองกรอบ คือ ในวันที่ 9 จะแบ่งเฉพาะอำเภอเมือง อ่าวลึก ปลายพระยา เขาพนม ส่วนในวันที่ 10 จะมีอำเภอเหนือคลอง คลองท่อม ลำทับ และเกาะลันตา โดยมี รศ.นรนิติ เศรษฐบุตร มาเป็นประธาน ตลอดทั้งสมาชิกสภาร่างอีกจำนวนมาก
ต่อข้อถามถึงกรณีที่ทาง กกต.ไม่เห็นด้วยที่อำนาจการออกใบแดงของนักการเมืองจะยกให้ตุลาการมีอำนาจนั้น เรื่องนี้จะต้องหารือกับอีกรอบหนึ่ง แต่สำหรับกรณี ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งนั้น ตนไม่เห็นด้วย และว่า ในส่วนของงบประมาณจำนวน 1 ล้านบาท ที่ในแต่ละจังหวัดนำมาทำประชาพิจารณ์นั้น ก็พบว่า ในหลายจังหวัดไม่เพียงพอ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีจำนวนประชากรมาก แต่สำหรับกระบี่นั้นก็ต้องพยายามใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุด
ขณะที่ ทางพงศ์นารถ ทิพอักษร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กระบี่ กล่าวว่า ในการทำประชาพิจารณ์ในแต่ละครั้ง ก็มีการจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้ที่มาร่วมงานทุกรา เพียงแต่ให้นำเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนมายื่นเท่านั้น เพราะทางกระทรวงการคลังเปิดกว้างในเรื่องนี้ และสำหรับในการแถลงข่าวในวันนี้ก็ขอให้สื่อมวลชน รวมทั้งผู้ที่มาร่วมงานนำหลักฐานไปแสดงกับตนได้เพื่อขอเบิกค่าตอบแทน
ขณะที่ นางสาวภัสตราพร วงศ์กรเชาวลิต นายสถานีวิทยุ อสมท จังหวัดกระบี่ ได้ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุม ว่า การที่ทางคณะกรรมาธิการได้ออกมาชี้แจงว่า การที่ได้เชิญสื่อมาร่วมทำข่าวและเสนอค่าตอบแทนนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะสื่อต่างมีต้นสังกัด และมีค่าตอบแทนแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ค่าตอบแทนเพิ่มอีก ซึ่งถือเป็นการสร้างวัฒนธรรมที่ผิดๆ และในส่วนที่ทางวิทยุชุมชน ได้ออกมาเสนอตัวว่าจะเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ร่วมกันทุกสถานี แต่ต้องมีค่าใช้จ่ายด้วยนั้น ก็ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย มีเพียงสถานีวิทยุ อสมท เพียงแห่งเดียว ที่ทุกอย่างถูกต้อง มีใบเสร็จรับเงินที่เสียภาษีถูกต้อง ฉะนั้น ก็ขอให้ที่ประชุมโดยเฉพาะคณะกรรมาธิการฯ พิจารณาให้รอบคอบด้วย เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ทางนายสถานี อสมท ลุกขึ้นชี้แจงนั้น ได้นำเอกสารใบเสร็จรับเงินในแสดงให้ที่ประชุมทราบด้วย และเรียกร้องให้ทางคณะกรรมาธิการใช้แต่เฉพาะสื่อของรัฐเพียงอย่างเดียว ส่วนสื่ออิสระอย่างหนังสือพิมพ์ ทั้งจากส่วนกลางและท้องถิ่นก็ไม่ควรสนับสนุน เพราะเป็นหน้าที่ที่ควรจะพึงปฏิบัติ แต่หากจะโฆษณาก็มีเพียง อสมท เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่ทางนายสถานี อสมท พูดเสร็จ ก็ได้มีสื่อมวลชนจากทุกแขนง โดยเฉพาะวิทยุชุมชนได้ลุกขึ้นชี้แจง และต่อว่าคำพูดของนายสถานี อสมท กันเป็นจำนวนมาก โดยทุกคนมีความเห็นตรงกันว่า อสมท หลงอำนาจ และไม่ควรออกมาพูดเช่นนั้น เป็นการสร้างความแตกแยกในกลุ่มสื่อ จนท้ายที่สุดเหตุการณ์เริ่มที่จะบานปลาย และเกิดการโต้แย้งกันมากขึ้น ทาง นายอภิชาติ ประธานที่ประชุมสั่งเลิกการประชุมในทันที และหลังจากนั้นก็ได้มีผู้ใหญ่ในจังหวัดได้ออกมาขอร้องสื่อว่าอย่าได้นำเสนอเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เพราะเกรงว่าจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของจังหวัด
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์