รอง ผวจ.กระบี่แฉ “เกาะพีพีเน่า” ขุดพบใต้พื้นทรายกลิ่นหึ่ง ด้านผู้ประกอบการยอมรับเป็นเรื่องจริง ฝากสิ่งแวดล้อมใช้กฎหมายคุมเข้ม ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ เชื่อสาเหตุเกิดจากโรงแรมบางแห่งลักลอบปล่อยน้ำเสีย
นายชาย พานิชพรพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากที่ได้ลงไปตรวจราชที่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง จ.กระบี่ ซึ่งเป็นแหล่งเที่ยวที่ขึ้นของจังหวัดและของโลกได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวจากชาวต่างประเทศว่า บริเวณอ่าวโละดาลัม บริเวณใต้พื้นทรายลงไปด้านล่าง พบเม็ดทรายได้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นสีดำและมีน้ำสีดำผุดขึ้นมาด้วย โดยมีสภาพกลิ่นเหม็นมาก คลายกับน้ำเน่าเสีย ซึ่งได้ทำการตรวจสอบพบว่า สาเหตุที่เกิดเม็ดทรายสีดำ และน้ำที่ผุดขึ้นมามีกลิ่นเหม็น เกิดจากน้ำเสียจากสถานประกอบการที่แอบปล่อยออกมา แต่ก็ไม่ได้บอกนักท่องเที่ยว
นายชาย กล่าวต่อว่า สำหรับอ่าวดังกล่าวโดยสภาพทั่วไปเป็นเวิ้งอ่าวกว้าง ประกอบกับการขึ้นลงของน้ำทะเลมีการเคลื่อนไหวน้อย เมื่อมีการปล่อยน้ำเสียลงไปในอ่าว น้ำก็ไม่ได้ไหลออกไปนอกทะเลยังคงวนเวียนอยู่ภายในอ่าว เมื่อกระแสน้ำขึ้นก็ถูกพัดมาขึ้นมาสะสมที่บริเวณชายหาด เมื่อนานเข้าก็กลายเป็นน้ำเสีย ตนเชื่อว่าหากไม่มีการจัดการที่ดี และแก้ไขอย่างทันท่วงที นักท่องเที่ยวคงจะหายไปจากเกาะพีพีอย่างแน่นอน เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่จังหวัดกระบี่และเกาะพีพี ต้องการเข้ามาพักผ่อนและชมความงามของธรรมชาติ
“หากปล่อยไว้โดยที่ไม่รีบดำเนินการแก้ไข ผมเชื่อว่าอีกไม่นานสิ่งต่างๆที่ซ่อนเร่นอยู่ใต้พื้นทรายก็คงจะโผล่มาฟ้องนักท่องเที่ยว แล้วเมื่อนั้นนักท่องเที่ยวคงจะหนีหายไปจากเกาะพีพี ทางที่ดีผู้ประกอบการเองก็ควรจะมีจิตสำนึกให้มาก เพราะผลเสียที่จะตามมาไม่เฉพาะจังหวัดที่เสียหาย แต่ธุรกิจของพวกท่านก็คงจะเจ๊งอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยว” นายชายกล่าว
ด้านนายสมเกียรติ กิตติธรกุล ผู้ประกอบการโรงแรมชื่อดังเกาะพีพี กล่าวว่า ผมยอมรับเรื่องดังกล่าว ที่ทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายชาย พานิชพรพันธ์ พูดเป็นเรื่องจริง ไม่เฉพาะแต่อ่าวโละดาลัมเท่านั้น ในส่วนของอ่าวต้นไทร ซึ่งอยู่ตรงข้ามกันก็เกิดมีน้ำเสียไหลลงทะเลเช่นเดียวกัน โดยที่บริเวณใต้สะพานท่าเทียบเรือเกาะพีพี เมื่อน้ำลงต่ำสุดก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเกิดสถานประกอบการบางแห่งแอบปล่อยลงทะเล โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ยามปลอดคน และก็ได้มีการพูดคุยกับผู้ประกอบการด้วยกันแล้วหลายครั้งก็ไม่ได้รับการแก้ไข
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์น้ำเสีย ใต้ทราย ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นมาก่อนเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ และได้มีการพูดคุยกันมาตลอด แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการด้วยกัน ซึ่งตนมองว่า ทางแก้ที่ดีที่สุดก็คือต้องเอากฎหมายมาบังคับใช้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสิ่งแวดล้อมต้องเข้ามาควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ โดยไม่มีการเหลียวแล ก่อนที่เกาะพีพีจะเน่าเหม็นไปมากกว่านี้
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์