นายกสมาคมประมง จังหวัดกระบี่ชี้ ปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลดีมากกว่าผลเสีย หลังชาวประมงทั้งเล็กใหญ่จับปลาได้เพิ่มขึ้น ตกต่อเดือนประมาณ 5-6 ล้านบาท
นายมานิต ดำกุล นายกสมาคมประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ปลาจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดสตูล ตรัง และกระบี่ เกิดตายลงโดยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่น้ำลึก และพบว่า เป็นปลาผิวดิน เช่น ปลาเก๋า ปลามง ปลาทราย ปูม้า บางตัวมีขนาดหนักนับสิบกิโลกรัม ซึ่งน่าเสียดายอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม จากปรากฏการณ์ดังกล่าว จากการสอบถามกับผู้เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลฝั่งอันดามัน จังหวัดกระบี่ ทราบว่า ปลาที่ตายไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และถือว่าไม่มากหากเทียบกับทั้งหมด เพราะปลาจำนวนมากสามารถที่จะหนีน้ำเย็นออกมาได้ และอยู่เฉพาะน้ำลึกออกมาก่อนที่จะตาย
นายมานิต กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่า ส่งผลดีต่อการจับสัตว์น้ำของชาวประมง เช่น อวนดำ ที่สามารถจับปลาทูได้เพิ่มขึ้น เฉพาะเดือนเดียวยอดการจับแต่ละลำไม่ต่ำกว่า 5-6 ล้านบาท ส่วนเรืออวนดำขนาดเล็กก็มียอดสูงนับล้านเช่นกัน
นอกจากนั้น ในส่วนของชาวประมงพื้นที่บ้าน ก็สามารถจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้น เพราะสัตว์น้ำลึก ได้หนีขึ้นมาอยู่ในอ่าวกระบี่จำนวนมหาศาล ส่วนผลกระทบก็มีเฉพาะอวนลากผิวดินและนักตกปลาเท่านั้น
นายม่าเหร็น บุญรอด ชาวประมงพาณิชย์ ได้กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แอลนีโญ และประกอบกับจังหวัดได้มีการปิดอ่าวในช่วงฤดูกาลปลาว่างไข่ ติดต่อกันมาหลายปี ปรากฏว่า สัตว์น้ำในทะเลมีจำนวนเพิ่มขึ้น และหลากหลายชนิดปลา โดยเฉพาะปลาทูที่รวมกลุ่มกันอยู่เป็นฝูงใหญ่สามารถจับได้ทีละหลายตัน โดยเดือนที่ผ่านมาสามารถจับปลาได้มูลค่าประมาณนับล้านบาท ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เพิ่งเคยพบ ส่วนเพื่อนชาวประมงบางลำที่มีเรือลำใหญ่สามารถจับได้ลำละประมาณ 5-6 ล้านบาท
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์