จังหวัดกระบี่ หารือให้ผู้นำท้องถิ่นทุกอำเภอ ช่วยดูแลและทำลายต้นกระท่อม หลังพบกลุ่มวัยรุ่นนำมาต้มใส่เครื่องดื่มชูกำลัง กลายเป็นสารเสพติดสูตรใหม่ 3X100
พล.ต.ต.ภูวดล วุฒฑกนก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากกรณีที่ขณะนี้วัยรุ่นได้มีการนำใบกระท่อม แล้วมาต้มผสมเครื่องดื่มชูกำลัง และเครื่องดื่มอื่นๆ ทำให้กลายเป็นสารเสพติดประเภทใหม่ และมีข่าวว่า สูตรดังกล่าวได้มาจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมักจะนำมาดื่มก่อนก่อเหตุ เพื่อความฮึกเหิม ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นเริ่มมีความรุนแรงขึ้น
ขณะนี้ได้นำเรื่องดังกล่าว เข้าหารือกับ นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และนายชัยเลิศ ภิญโญรัตนโชติ ปลัดจังหวัดกระบี่ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต่างๆ เพื่อหาแนวทางป้องกันแล้ว
พล.ต.ต.ภูวดล กล่าวอีกว่า หลังการหารือนั้น ได้มีแนวทางในการดำเนินการเชิงรุก โดยการให้แต่ละอำเภอ เข้าไปหารือกับทางผู้นำชุมชนทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.และส่วนต่างๆ เพื่อให้ร่วมกันตัดทำลายต้นกระท่อม ป้องกันการนำมาใช้ผิดประเภท เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของมวลชนที่ต้องมีการทำความเข้าใจกันก่อนที่จะตัดทำลาย เพราะใบกระท่อมนั้นต้องยอมรับว่า ในอดีตมีการนำมาใช้ ซึ่งอาจจะเรียกว่าวิถีชีวิตก็ว่าได้ แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนไปในทางที่รุนแรงมากขึ้น จึงต้องมีการดำเนินการดังกล่าว
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า สารเสพติดชนิดนี้มีการเรียกกันหลังการนำมาต้มและใส่เครื่องดื่มว่า 3 คูณ 100 หรือ 4 คูณ 100 ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ดื่มกินมึนเมา มีอาการทางประสาท และทำให้เกิดความฮึกเหิม ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายก็ต้องช่วยกัน เพราะกระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยว หากมีการนำมาใช้และก่อเหตุร้ายขึ้น ก็จะทำให้จังหวัดกระบี่เสียหายได้
ขณะที่ นายแพทย์ วีรพล นิธิพงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า สำหรับใบกระท่อมนั้น ถือเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากมาย เพียงแต่หากมีการนำมากินในระยะยาวก็จะส่งผลต่อสุขภาพ เพราะใบกระท่อม ทำให้เกิดความอยากที่จะทำอย่างอื่นต่อ ทำให้ร่างกายไม่ได้พักผ่อนและไม่กินอาหาร ซึ่งก็จะส่งผลเสียต่อร่างกาย
ด้าน นายดวล ดำดี ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกระบี่ และเป็น กต.ตร.ตำรวจภูธร จังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า เรื่องดังกล่าวถือว่ารุนแรง ผู้เกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันปราบปราม เพราะใบกระท่อมนั้นก็ผิดกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ตนจะนำเข้าหาหรือกับคณะกรรมการ กต.ตร.เพื่อให้เพิ่มความเข้มงวดในเรื่องของใบกระท่อมเพิ่มมากขึ้น
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์