ผู้ว่าฯกระบี่ สั่งเพิ่มมาตรการคุมเข้ม-ตรวจสอบชาวไทยมุสลิม ที่อพยพหนีความรุนแรงจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้ามาอาศัยในพื้นที่ หลังพบการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ระบุส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านช่องไม้ดำ อำเภออ่าวลึก มีทั้งรายบุคคล-ครอบครัว อยู่แบบถาวร-ชั่วคราว เชื่อหากประชาชน ผู้นำชุมชนให้ความร่วมมือเป็นหู เป็นตาแทนเจ้าหน้าที่ ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นแน่นอน
นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า จากที่ได้เกิดปัญหาความไม่สงบขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนส่งผลให้ประชาชนที่รักในความสงบ และมีความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ ได้มีการย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยไปตามพื้นที่ต่างๆ เพราะเกรงว่าเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นอาจจะถึงตัวเอง ซึ่งขณะนี้พบว่าประชาชนจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ได้ย้ายเข้ามาอาศัยในหลายจังหวัด ซึ่งรวมทั้งจังหวัดกระบี่ด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวต่อไปว่า สำหรับจังหวัดกระบี่นั้น ก็ทราบว่า ได้มีประชาชนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ย้ายเข้ามาอาศัยเป็นจำนวนมาก ทั้งเป็นรายบุคคลและครอบครัว ส่วนหนึ่งเข้ามาเพื่อการถาวร และส่วนหนึ่งเพื่อการชั่วคราว ซึ่งตรงนี้จังหวัดจะต้องเข้าไปตรวจสอบว่า บุคคลที่เข้ามานั้น เข้ามาเพื่อพักผ่อน เข้ามาเพื่อประกอบอาชีพ หรือเข้ามาเพื่อการถาวร ตรงนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ฝ่ายปกครอง อบต.ก็จะต้องลงไปตรวจสอบไม่ใช่นิ่งเฉย
“สิ่งหนึ่งที่ทุกคนจะต้องยอมรับ ก็คือ จังหวัดกระบี่เป็นเมืองเปิดเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ใครๆ ก็สามารถเข้ามาได้ ดังนั้น การที่จะไปตรวจสอบเป็นรายบุคคล ก็เหมือนว่า เป็นการลิดรอนสิทธิ ฉะนั้นแล้ว จึงฝากให้ประชาชน ช่วยกันเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย คือ ช่วยกันดูถึงพฤติกรรมของผู้ที่เข้ามาในจังหวัดของเราเอง ให้รายงานให้กับเจ้าหน้าที่ทราบในทันที และในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ก็ได้มีการหารือกับมาตลอด แต่หากประชาชน หรือผู้นำท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ก็เชื่อว่าปัญหาความไม่สงบก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน” ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าว
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์