เกษตรกรเลี้ยงแพะกระบี่รับมือภัยแล้ง แปรรูปทางปาล์มเป็นอาหารแทนหญ้าสด ยันหน้าแล้งส่งผลดีต่อผู้เลี้ยง เหตุไม่มีโรคมารบกวน ท่องเที่ยวช่วยหนุนทำยอดขายเพิ่ม
นายสมบัติ บุญถาวร ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงแพะตำบลกระบี่น้อย จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปีนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะแต่อย่างใด เนื่องจากทางกลุ่มผู้เลี้ยงได้มีการเตรียมมาตรการรับมือไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร การควบคุมโรค โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารที่เรานำมาเลี้ยงแพะนั้น เมื่อถึงช่วงหน้าแล้งจะใช้พืชที่เรามีอยู่ทดแทนหญ้าสด คือทางปาล์มน้ำมันซึ่งมีอยู่แล้วมาหมักกักตุนใส่ถังขนาด 200 ลิตรไว้ ต่อจำนวนแพะ 50 ตัว หลังจากนั้นก็จะนำมาแปรรูปเป็นอาหารเพื่อใช้เลี้ยงแพะในช่วงหน้าแล้งซึ่งจะใช้ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ หากเกษตรกรรายใดไม่มีปาล์มน้ำมันก็จะใช้ ใบกฐินณรงค์เป็นอาหารทดแทนหญ้าสด เพราะหญ้าที่เกษตรกรปลูกไว้ในช่วงหน้าแล้งจะขาด
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า ในช่วงหน้าแล้งกลับส่งผลดีมากกว่าหน้าฝน เพราะแพะเป็นสัตว์ที่กลัวน้ำกลัวฝนบางครั้งในช่วงหน้าฝนหากไม่มีการเฝ้าระวัง แพะจะมีอาการท้องอืด ท้องขึ้น เพราะเกิดความชื้น แต่ปัญหาหลักของเกษตรกรที่ผ่านมา คือ เรื่องของบริเวณพื้นที่ในการเลี้ยงเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากทางกลุ่มผู้เลี้ยงมีพื้นที่ในการเลี้ยงแพะน้อยมาก แต่ก็แก้ปัญหาด้วยวิธีการยกโรงสูงจากพื้นเป็นชั้นๆ เพื่อให้ได้เนื้อที่ในการเลี้ยงแพะมากขึ้น
สำหรับราคาเนื้อแพะที่ขายกันตอนนี้ โดยเฉลี่ยอยู่กิโลละ 200 บาท ส่วนราคาแพะเลี้ยงเพื่อนำไปขยายพันธุ์ ราคากิโลกรัมละ 120 บาท ตกตัวละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาแพะจะไม่ค่อยมีการปรับตัวขึ้นมากนัก ราคาค่อนข้างคงที่ เพราะถ้าเราให้ราคาสูงจนเกินไปจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค อาจะทำให้มีผู้บริโภคน้อยลง ส่งผลให้แพะล้นตลาดเหมือนในช่วงปี พ.ศ.2545 ที่แพะมีชีวิตราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท
“ในส่วนของการตลาดนั้นที่ผ่านมาทางกลุ่มผู้เลี้ยงได้ร่วมกับทางจังหวัด โดยมีการกำหนดราคาแพะมีชีวิต ในราคาขายส่งกิโลกรัมละ 80 บาท ส่วนราคาปลีกขายอยู่กิโลกรัมละ 100 บาท ทำให้มีความชัดเจนขึ้นในเรื่องของราคา ส่งผลดีต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะเพราะต่อไปอาจจะมีการปรับราคาขึ้นมาอีกเล็กน้อย คาดว่าเกษตรกรกระบี่หันมาเลี้ยงแพะกันมากขึ้นและในปีนี้ยอดจำหน่ายแพะ ค่อนข้างดี เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวค่อนข้างคึกคัก จึงทำให้ผู้ประกอบการมีการสั่งแพะเข้ามามากโดยส่วนใหญ่จำนำไปทำพิธีทางศาสน และในปีนี้ยอดการจำหน่ายโดยรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 10%” นายสมบัติกล่าว
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์