แม่วัย 50 จูงมือลูกสาววัย 14 ปี ร้องสื่อหวั่นคดีตำรวจข่มขืนถูกหมกเม็ด
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (8 มี.ค.) ได้มี นางละออง ละงู อาชีพค้าขายผลไม้ อยู่บ้านเลขที่ 75/2 ม.10 ต.คลองพล อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ได้นำเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี เข้าร้องเรียนกับ นายสุทิน มารยา ประธานชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดกระบี่ ว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2550 เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ได้มี ส.ต.อ.ไพโรจน์ สุทธิกรณ์ ตำรวจจราจร สภ.ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม มาชักชวนลูกสาวของตน หรือน้องเอ ขณะที่กำลังขายผลไม้อยู่กับตนในตลาดไปเที่ยว ซึ่งตนเห็นว่าเป็นคนรู้จักกันจึงยินยอมให้ลูกไปด้วย
หลังจากที่ทั้ง 2 ได้ออกไปเที่ยวแล้ว กลับพบว่า ส.ต.อ.ไพโรจน์ ไม่ได้พาไปเที่ยวจริง แต่กลับพาเข้าห้องพักสวนพร้าวการ์เด้น ตั้งอยู่ที่ ต.คลองพน อ.คลองท่อม และตลอดทั้งคืนก็ไม่พบว่าลูกจะเดินทางกลับบ้าน
จนถึงเวลา 16.00 น.ของวันรุ่งขึ้น (5 ก.พ.) ลูกสาวก็โทรศัพท์มาบอกว่าขณะนี้กำลังอยู่ที่บ้านของเพื่อน โดยทราบว่าตำรวจดังกล่าวได้นำลูกสาวของตนออกมาจากห้องพัก พร้อมกับได้ว่า จ้างให้รถจักรยานยนต์รับจ้างนำลูกสาวมาส่งที่บ้านของเพื่อน ซึ่งหลังจากทราบจึงได้รีบไปรับตัวลูกสาวกลับบ้านในทันที
นางละออง ได้กล่าวว่า หลังจากนั้น ก็ได้ติดตามพฤติกรรมของลูกสาวมาตลอด เพราะเกิดสงสัยว่า อาจจะถูกตำรวจคนดังกล่าวหลอกไปข่มขืน เนื่องจากตั้งแต่ลูกสาวหายไปจากบ้านก็มีอาการซึมเศร้า และพยายามสอบถามความจริงกับลูกมาตลอด จนถึงช่วงเช้าของวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา ก็สอบถามลูกสาวอีกครั้ง ว่า สาเหตุที่ไม่ยอมกลับบ้านนั้นเกิดจากสาเหตุใด
ลูกสาวก็ได้บอกว่า หลังจากที่ทางตำรวจคนดังกล่าวมารับที่ร้านขายผลไม้ จากนั้นก็ได้นำตัวไปยังสวนพร้าวการ์เด้น ซึ่งเป็นบังกะโล พร้อมกับลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ จนกระทั่งรุ่งเช้าของอีกวัน ตำรวจคนดังกล่าวก็ได้นำตัวออกมาจากห้องพัก พร้อมว่าจ้างรถจักรยานยนต์ให้ไปส่งบ้านเพื่อนก่อนที่จะแจ้งให้ตนทราบดังกล่าว
นางละออง ยังได้กล่าวอีกว่า หลังจากที่ลูกสาวรับสารภาพว่า ถูกตำรวจลวงไปข่มขืนตลอดทั้งคืน ก็ได้บอกให้กับทางผู้เป็นสามี คือ นายวีรศักดิ์ ละงู อายุ 47 ปี นำตัวลูกสาวไปแจ้งความกับ พ.ต.ท.สันติรักษ์ สัญพิบูลย์ พงส.สบ 3 สภ.ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2550 ที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวต่อไป และสาเหตุที่ได้นำเรื่องนี้มาร้องเรียนก็เนื่องจากเกรงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ให้ความเป็นธรรม และหมกเม็ดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
พ.ต.ท.สัญติรักษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้หลังจากรับแจ้งทางตำรวจก็ได้เรียก ส.ต.อ.ไพโรจน์ สุทธิกร ตำรวจจราจร คนดังกล่าว มาทำการสอบปากคำไปแล้ว พร้อมกับได้แจ้งข้อกล่าวหาพรากเด็ก และกระทำชำเราเด็ก
ในเบื้องต้น ส.ต.อ.ไพโรจน์ ก็ยังให้การปฏิเสธ ส่วนกรณีจะมีการแจ้งความการกักขังหน่วงเหนี่ยวเด็กด้วยหรือไม่นั้น ก็จะต้องตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดก่อนว่าสมควรแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งหากมีเหตุอันสมควรก็สามารถแจ้งได้ในภายหลัง
เบื้องต้น ส.ต.อ.ไพโรจน์ ผู้ต้องหาก็ได้ขอประกันตัวไปหลังจากที่รับทราบข้อกล่าวว่าไปแล้ว และมั่นใจว่า คดีดังกล่าวไม่เป็นที่หนักใจแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าผู้ต้องหาจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็ตาม เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่ที่พยานหลักฐาน
“ขณะนี้ได้รายงานให้ผู้บังตับบัญชาทราบแล้ว พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าสมควรจะให้ออกจากราชการหรือไม่ ซึ่งจะให้ทางผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป และขอฝากบอกผู้ปกครองด้วยว่าทางตำรวจไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ใครผิดก็ว่าไปตามผิด และสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ ตนยืนยันว่า คดีนี้จะทำอย่างโปร่งใสที่สุด”
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์