วิกฤตภัยแล้งทำผู้เลี้ยงกุ้งขาดทุนหนัก ยอดการผลิตตกเดือนละกว่า 100 ล้านบาท ประธานชมรมจี้รัฐเพิ่มมาตรการด้านตลาดและสายพันธุ์
นายปกครอง เกิดสุข ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ ได้เปิดเผยว่า จากที่ขณะนี้จังหวัดกระบี่กำลังประสบปัญหาเรื่องฝนทิ้งช่วง จนเป็นเหตุให้เกิดภัยแล้งมาแล้วกว่า 1 เดือน และส่อว่าเวลาที่ฝนทิ้งช่วงจะต่อเนื่องไปอีกหลายเดือน จนทำให้ผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่จังหวัดกระบี่ที่ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 7 พันไร่ ต้องประสบกับปัญหาหลายอย่าง
เช่น โรคหัวแดง โรคตับอักเสบ โรคหัวเหลือง และจากปัญหาดังกล่าวได้เกิดขึ้นในช่วงหน้าแล้งของทุกปี จนทำขณะนี้ยอดผู้ลี้ยงกุ้งต้องหยุดเลี้ยงไปกว่าครึ่งหนึ่ง และยังทำให้ยอดการผลิตกุ้งเพื่อการส่งออกลดลงถึงเดือนละ 100 ล้านบาท ตลอดในในช่วงภัยแล้งนี้
นายปกครอง กล่าวอีกว่า ในส่วนของปัญหาที่ทางชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจะต้องให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือก็คือเรื่องที่ทางประเทศออสเตรีเลีย สั่งระงับการนำเข้ากุ้งจากประเทศไทยอันเนื่องจากมีการตรวจพบว่ากุ้งของไทยนั้นมีโรคอยู่หลายชนิดดังที่กล่าวมา จนทำให้กระแสข่าวดังกล่าวนี้มีผลต่อตลาดส่งออกของไทยโดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ที่สามารถรองรับกุ้งได้ถึง 60% รวมทั้งประเทศในกลุ่ม EU และญี่ปุ่น เพราะหากหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ ไม่เข้ามาช่วยเหลือโดยการลดกระแสดังกล่าวก็เกรงว่าตลอดผู้ซื้อกุ้งจะสั่งระงับการนำเข้าเพิ่มอีกในหลายประเทศ รวมทั้งเรื่องของสายพันธ์ที่รัฐจะต้องมีความชัดเจน เพราะที่ผ่านมานั้นเกษตรกรต้องประสบกับปัญหานี้เช่นกัน
“ในส่วนของพื้นที่การเลี้ยงกุ้งของจังหวัดกระบี่นั้น เป็นที่รู้กันดีว่า มีความเหมาะสมมากที่สุดของประเทศ โดยยอดการส่งออกของปี 2549 ที่ผ่านมา สามารถส่งออกกุ้งได้ถึง 3 หมื่นล้านบาท และในปีนี้ก็ยังเชื่อว่ายอดการส่งออกจะต้องเพิ่มจากเดิม แต่เมื่อเกิดปัญหาในเรื่องของตลาดส่งออกกับประเทศคู่ค้า ก็เกรงว่าจะทำให้ยอดการส่งออกต้องลดลงบ้าง ยิ่งได้เกิดภาวะภัยแล้งอย่างรุนแรงก็ทำให้ยอดการส่งออกกุ้งลดน้อยลงตามลำดับ จากเดิมที่เคยส่งออกเดือนละ 500 ล้านบาท คงเหลือที่ 300-400 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาดังที่กล่าวมาข้างต้น ฉะนั้นสิ่งที่ทางชมรมจะต้องพี่งพาภาครัฐก็คือเรื่องของการพัฒนาสายพันธ์ และการประชาสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้าอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง”
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์