ดีเอสไอ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจการบุกรุกเขาอ่าวนาง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของกระบี่แล้ว ขอเวลาเรียกตรวจสอบเอกสาร 5-6 วัน ขณะที่ ส.อบจ.กระบี่ ฝ่ายร้องเรียน มั่นใจดีเอสไอ สามารถตรวจสอบดำเนินการกับผู้ที่บุกรุกได้แน่ แฉ มีข้าราชการระดับสูงในจังหวัดเกี่ยวข้องด้วย
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (15 ก.พ.) พ.ต.อ.ธนพัฒน์ ศิริวรรณ รองหัวหน้ากลุ่มงานคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ 13 นาย ได้เดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่บนเขาหน้าหาดอ่าวนาง หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 3 ตำบลอ่าวนาง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกระบี่แล้ว
ทั้งนี้ เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ดังกล่าวโดยจะใช้เวลา 5-6 วัน ในการตรวจสอบ หลังจากที่กลุ่ม ส.อบจ.กระบี่ นำโดย นายสาคร เกี่ยวข้อง รองประธานสภา อบจ.กระบี่ นายพิสุทธิ์ ภูมิภมร ส.อบจ.กระบี่ นางสาวสุวิภา สกลกิตติวัฒน์ นายสมัชชา เอ่งฉ้วน ส.อบจ.กระบี่ ได้เข้าร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2550 ที่ผ่านมา
โดยทางเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ขึ้นไปตรวจสอบพื้นที่เขาอ่าวนาง บริเวณหลังแมคโดนัลด์อ่าวนาง ซึ่งมีพื้นที่การยื่นขอเอกสารสิทธิ 13 แปลง พบว่า มีการนำต้นไม้ เช่น ปาล์มน้ำมันไปปลูกแซมป่าไว้ และบางแห่งพบว่ามีการควั่นโคนต้นไม้ เพื่อให้ยืนต้นตาย ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกภาพไว้ ทั้งต้นไม้และหลักเขตที่มีการปักไว้ด้วย
โดย พ.ต.ท.ธนพัฒน์ ศิริวรรณ รองหัวหน้ากลุ่มงานคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นนี้พบว่า มีพื้นที่ป่าถูกจับจองและยื่นขอเอกสารสิทธิ์หลายแปลง แต่ในชั้นนี้ คือ การตรวจสอบเบื้องต้นก่อนว่าพื้นที่ลาดชันเช่นไร ซึ่งจากการดูพบว่าเกิน 35 องศาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ จะทำการเรียกสอบเอกสาร ซึ่งได้มีการขอยื่นออกเอกสารสิทธิ์มาตรวจสอบ รวมทั้งสอบสวนกรณีอื่นๆ ต่อไป
ต่อข้อถามที่ว่า มีผู้ขอออกเอกสารสิทธิบนเขาดังกล่าว มีชื่อสกุลของข้าราชการระดับสูงในจังหวัดกระบี่ รวมอยู่ด้วยในจำนวน 13 ราย มีความหนักใจหรือไม่ พ.ต.อ.ธนพัฒน์ ตอบว่า ตนทำไปตามหน้าที่และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าพื้นที่ที่มีการขอยื่นเอกสารสิทธิถูกหรือผิดจนกว่าจะมีการตรวจสอบแล้วเสร็จ
ด้าน นายพิสุทธิ์ ภูมิภมร ส.อบจ.กระบี่ กล่าวว่า จากการที่ได้ร้องเรียนไปทางดีเอสไอ ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบแล้ว หลังจากนี้ คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดีเอสไอในการทำคดีและทำความจริงให้ปรากฏ เพราะเท่าที่ทราบนั้นมีข้าราชการระดับสูงในจังหวัดเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทำให้การสอบสวนในส่วนของจังหวัดล่าช้า
แต่มั่นใจว่า หากดีเอสไอ ลงมาทำคดีก็จะเร็วขึ้น ซึ่งต้องฝากไปยังประชาชนชาวอ่าวนาง หากมีการขอข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่ก็ขอให้บอกข้อมูลที่เป็นจริง ว่า ภูเขาหน้าหาดแห่งนี้เป็นเช่นไร และหากปล่อยไปนานเข้าโดยไม่มีการดำเนินการใดๆ นั้น ต่อไปทรัพยากรธรรมชาติโดเฉพาะป่าไม้ก็จะหมด และเมื่อนั้นการท่องเที่ยวก็จะเสียหาย
ทางด้าน นายสาคร เกี่ยวข้อง รองประธานสภา อบจ.กระบี่ กล่าวว่า การที่ดีเอสไอ ลงมาทำคดีในครั้งนี้ ตนต้องการให้มีการสาวไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะข้าราชการบางคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นในอนาคตป่าก็จะหมดและคนกระบี่ต้องช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติของกระบี่เอาไว้
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์