กระบี่, อีก 15 วันรู้ผลตรวจเอกสารสิทธิที่ดินเขาอ่าวนาง ( ข่าวกระบี่ )
กระบี่ -อีก 15 วัน รู้ผลพิสูจน์เอกสารสิทธิเขาอ่าวนาง ที่ดินจังหวัด ยันพร้อมเพิกถอนทุกรายไม่มีการยกเว้น
นายฉัตรชัย พราหมณ์แก้ว เจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้ 8 ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 5 (ป่าไม้นครศรีธรรมราชเดิม)ได้เปิดเผยภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการพิจารณาผลการตรวจสอบ การบุกกรุกพื้นที่เขาอ่าวนาง ม. 2- ม.3 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ในวันที่ 10 พ.ย. 49 ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงกรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าและมีการนำเอกสารสิทธิต่างๆ ที่ออกให้โดยกรมที่ดินมาอ้าง ซึ่งกรณีดังกล่าวตนเห็นว่าขัดกับความเป็นจริงเพราะพื้นที่ที่มีการออกเอกสารสิทธิอยู่ในเขตป่าอุทยานฯ
จากการตรวจสอบก็พบว่าไม่มีการทำประโยชน์ใดๆ ในพื้นที่ดังกล่าวเลย และยังพบว่าป่าดังกล่าวมีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ เพียงแต่มีการนำเอกสารสิทธิ์มาอ้างเท่านั้น จึงทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานไม่สะดวก
นายฉัตรชัย เปิดเผยต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของเอกสารสิทธิ ตามมติที่ประชุมในวันนี้ได้ข้อสรุปว่า จะต้องทำการตรวจพิสูจน์การทำประโยชน์ในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิว่า มีการทำประโยชน์จริงหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เขตป่าสงวน ป่าเขตอุทยานแห่งชาติ และพ.ร.บ. 2484 และให้มีการตรวจสอบเอกสารทธิ์ที่นำมาอ้างด้วยว่า ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากได้มาโดยมิชอบ ก็จะต้องมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ ตามมาตรา 61 โดยจะไม่มีการยกเว้นทุกรายไป ซึ่งจะมีการตรวจพิสูจน์และสรุปผลอีกครั้งภายใน 15 วันหลังจากนี้
ส่วนกรณีที่มีการสร้างวอล์กเวย์ นายฉัตรชัย กล่าวว่า จากการที่ตนได้ไปตรวจสอบพบว่า ยังไม่มีการดำเนินการก่อสร้าง เพียงแต่มีผังออกมาว่าจะมีการทำวอล์กเวย์ขึ้นไป 300 เมตร และมีการทำทางเดินขึ้นไป ประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างยื่นขออนุมัติตามระเบียบของกรมป่าไม้ เพื่อใช้ประโยชน์ในที่ดินของกรมป่าไม้ และขออนุมัติใช้ประโยชน์ที่ดินของกรมอุทยาน
สำหรับผู้ที่ทำการบุกรุก เบื้องต้นก็ได้ดำเนินคดีและจับกุมไปแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยาน และศาลก็ได้พิพากษาให้ออกจากพื้นที่แล้วด้วย และอีกส่วนหนึ่งในรายที่ศาลยังไม่มีการตัดสิน ซึ่งมีผู้ที่นำเอกสารสิทธิ สค.1 และ โฉนดที่ดินมาอ้าง โดยจะมีการการตรวจพิสูจน์การออกเอกสารสิทธิเพื่อทำการเพิกถอนต่อไป แต่ถ้ามีการทำประโยชน์อย่างแท้จริงเราก็จะให้คงสิทธิต่อไป
ในการตรวจสอบ จะมีการนำภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่มาพิสูจน์ย้อนหลัง ในทุก 5 ปี หรือ 10 ปี เพื่อดูว่ามีการทำประโยชน์จริงหรือไม่ โดยเฉพาะส่วนพื้นที่ที่มีการปลูกอาสินไปแล้วก็จะทราบได้ทันทีว่าอายุกี่ปี เช่น ในพื้นที่เขตป่าคุ้มครอง 2495 ถ้ามีการทำประโยชน์จริงจะพบว่า ผลอาสินนั้นต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 40- 50 ปี แต่ที่ผ่านมามีการปลูกอาสินไม่ถึง 5 ปี ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเป็นการบุกรุกอย่างแน่นอน
ทางด้านนายช่วงชัย เปาร์อินทร์ ปลัดจังหวัดกระบี่ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบรุกที่เขาอ่าวนาง ม.2 และ ม.3 กล่าวว่า สำหรับคณะทำงานได้แต่งตั้งขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรกประกอบด้วย อุทยาน,ป่าไม้,,ตำรวจ,ฝ่ายปกครอง,ที่ดิน,กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านและ อบต.ซึ่งก็ได้มีการประชุมคณะกรรมการไปแล้วเมื่อวานนี้(10 พ.ย.)โดยให้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่เขาอ่าวนางทั้งหมดทั้งที่อยู่ในเขตอุทยานฯและเขตป่าว่ามีการบุกรุกเป็นเนื้อที่เท่าใด และมีใครเข้าไปบุกรุกครอบครองบ้าง โดยให้เวลาในการตรวจสอบ 15 วัน นับจากวันประชุมทุกอย่างจะต้องมีข้อสรุป
สำหรับกรอบแนวทางที่ให้ทางคณะกรรมการชุดดังกล่าวเข้าไปตรวจสอบ 1.เข้าตรวจสอบพื้นที่อุทยานและป่าสงวนที่ประกาศบริเวณเขาอ่าวนาง ว่าก่อนการประกาศมีผู้ครอบครองเข้าไปทำประโยชน์หรือไม่ และมีกี่ราย 2.ตรวจสอบผู้ครอบครองหลังประกาศว่ามีกี่ราย เนื้อที่เท่าใด 3.ตรวจสอบผู้เข้าครอบครองหลังประกาศมติ ครม.เมื่อปี 41 ว่ามีกี่ราย เนื้อที เท่าใด ซึ่งตามข้อที่ 1 อาจจะมีการออกเอกสารสิทธิ์อย่างหนึ่งอย่างใดให้ ส่วนในข้อที่ 2 หากพบว่ามีการบุกรุกก็จะให้ออกจากพื้นที่ และในข้อที่ 3 หากพบว่ามีการเข้าไปครอบครองก็จะมีการจับกุมดำเนินคดี โดยให้ทางเจ้าของพื้นที่เป็นผู้แจ้งความดำเนินคดี โดยในส่วนของผู้ที่ได้มีการออกเอกสารสิทธิ์ไปแล้วก็จะต้องมีการตรวจสอบว่าออกด้วยชอบหรือไม่
นายช่วงชัย กล่าวอีกว่า สำหรับคณะกรรมการชุดที่ 2 ประกอบด้วย นายอาคม เอ่งฉ้วน อดีต ส.ส.ปชป.นายพิสุทธิ์ ภูมิภมร สจ.อบจ.กระบี่ และอีกหลายคน ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มผู้ร้องเรียนว่าพื้นที่อ่าวนางมีการบุกรุกและมีการเลื่อนแนวเขตป่า เพื่อให้พื้นที่บางแปลงสามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ ซึ่งในวันที่ 15 พ.ย.นี้ก็จะเรียกคณะกรรมการชุดดังกล่าวเข้าประชุม หลังจากนั้นก็จะมีการลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ตามที่ได้ร้องเรียน
ด้านนายพิสุทธ์ ภูมิภมร สจ.อบจ.กระบี่ ได้กล่าวถึงแม้ว่าจะมีการเข้าไปตรวจสอบแนวเขตป่าเขาอ่าวนางว่ามีการเลื่อแนวเขตเพื่อให้นายทุนสามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้นั้น ตนไม่มีความเชื่อมั่นหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ทั้งอุทยานและป่าไม้ของจังหวัดกระบี่ เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้อาจจะรู้เห็นเป็นใจกับนายทุน ตนอยากจะให้ทางกระทรวงหรือทางส่วนกลางเข้ามาเป็นผู้ตรวจสอบเอง
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์