ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระบี่ โต้ วอล์กเวย์อ่าวนาง ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้นายทุน
นายอาทิตย์ ละเอียดดี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกระบี่ (ทส.)ได้กล่าวถึงโครงการวอล์กเวย์ หรือโครงการก่อสร้างทางเท้าศึกษาธรรมชาติ บนพื้นที่เขาอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ ว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดกระบี่ มีวัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันการบุกรุกยึดครองพื้นที่ป่าไม้ เป็นการแสดงแนวเขตพื้นที่ป่าและพื้นที่ของราษฎรให้ชัดเจน รวมทั้งเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่สวยงาม เป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่
ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่ตำบลอ่าวนาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดกระบี่ มีสภาพภูมิทัศน์สวยงาม มีภูเขา และมองเห็นทะเลสวยงาม แต่มีปัญหาร้องเรียนจากภาคส่วนต่างๆ เกี่ยวกับการบุกรุกครอบครองพื้นที่โดยมิชอบ โดยการบุกรุกแผ้วถางเพื่อก่อสร้างที่พัก อันจะก่อให้เกิดปัญหาดินถล่มได้ในฤดูฝน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายสนธิ เตชานันท์ ได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ม และอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ
นายอาทิตย์ กล่าวต่อไปว่า โครงการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ การปักหลักกั้นแนวเขตป่าไม้ ซึ่งเป็นเสาหลักคอนกรีตสูงประมาณ 1.50 เมตร จำนวน 400 ต้น โดยมีระยะห่างต้นละ 25 เมตร ระยะทาง 10 กิโลเมตร งบประมาณ 220,000 บาท ส่วนที่สอง คือ การก่อสร้างเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1,950 เมตร ขนาดความกว้างทางเดิน 2 เมตร โดยรวมพื้นที่ไหล่ทางกับร่องน้ำอีก 2 เมตร เป็น 4 เมตร เริ่มต้นจากบริเวณด้านข้างโรงแรมปกาสัยรีสอร์ท อ่าวนาง สิ้นสุดที่บริเวณข้างโรงแรมโวคพระนางเบย์ รีสอร์ท อ่าวนาง
พื้นที่ก่อสร้างเป็นพื้นที่ป่าไม้ 3 ส่วน คือ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา ? หมู่เกาะพีพี เขตป่าสงวนแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวน 2507 และเขตป่าไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 โดยลักษณะพื้นที่เป็นป่าสมบูรณ์ และความลาดชันของพื้นที่เกินกว่าร้อยละ 35 ซึ่งไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ ในการดำเนินการก่อสร้างมี หจก.กระบี่ พิณัฐมาศ เป็นผู้รับจ้างตามสัญญาในวงเงิน 2,380,000 บาท โดยเริ่มสัญญาวันที่ 25 สิงหาคม 2549 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 31 มกราคม 2550
ส่วนในกรณีที่มีการร้องเรียน ว่า ความกว้างของถนนวอล์กเวย์ดังกล่าวเกินกว่าที่กำหนดไว้จากเดิม 2 เมตร เป็น 5-10 เมตร นายอาทิตย์ กล่าวว่า เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และโครงการดังกล่าวเพิ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ไม่นาน โดยบริษัทผู้รับเหมา(หจก.กระบี่พิณัฐมาศ) ได้เริ่มเข้าไปปรับพื้นที่เพื่อจะนำวัสดุก่อสร้างเข้าไป โดยบุกเบิกทางกว้างเพียง 4 เมตรตามโครงการ ไม่ได้กว้างเกินกว่านั้นตามที่มีการร้องเรียน
ทั้งนี้ เข้าใจว่า ผู้ร้องเรียนคงจะไปชี้ตรงจุด ที่มีการตัดถนนผ่านเส้นทางเดิม ซึ่งเป็นของบุคคลที่มีเอกสารสิทธิ ซึ่งเป็นการชี้ผิดจุด ส่วนเรื่องของการตัดต้นไม้ ก็เป็นเพียงต้นไม้ต้นเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งเราจำเป็นจะต้องตัดออกไปเพราะต้องปรับเส้นทาง อย่างไรก็ตาม เราก็ดำเนินการตามหลักวิชาการโดยการหลีกเลี่ยงการตัดต้นไม้ พยามไม่ให้มีการตัดต้นไม้ เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด
สำหรับพื้นที่ใกล้เคียงเส้นทางวอล์กเวย์ที่มีการออกเอกสารสิทธิไปแล้ว จะต้องมีการเข้าไปตรวจสอบว่าออกเอกสารสิทธิถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากพบว่าบางแปลงก็อยู่ในพื้นที่ลาดชันเกิน 35 องศา ส่วนผู้ที่มีหลักฐานหรือเอกสารสิทธิอยู่ในเส้นทางวอล์กเวย์ตัดผ่านนั้น ก็ขอให้เอาหลักฐานมาแสดงตามแนวเขต หากพบว่า มีเอกสารสิทธิถูกต้องเราก็จะปรับเปลี่ยนเส้นทาง เพื่อไม่ให้ไปล้ำสิทธิของบุคคลนั้น แต่ถ้าพบว่าครอบครองพื้นที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเอกสารสิทธิไม่ถูกต้อง ทางทรัพยากรธรรมชาติฯ ก็จะต้องรักษาพื้นที่ป่าแห่งนี้เอาไว้ เพราะเป็นป่าที่สำคัญของชาวกระบี่
?ขอให้พิจารณาว่า ในสิ่งที่ได้กระทำไปนั้น เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน แต่อาจจะไปกระทบต่อบุคคลบางคนบ้าง ซึ่งอาจจะเข้าใจว่าจะไปทำลายคนส่วนใหญ่ด้วย ก็ขอให้ประชาชนพิจารณาถึงข้อเท็จจริง และขอยืนยันว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่โปร่งใสตรวจสอบได้ มิได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุนแต่อย่างใด? นายอาทิตย์ กล่าว
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์