ผู้ประกอบการโชวห่วยกระบี่ เข้ายื่นหนังสือต่อพ่อเมือง ต้านห้างยักษ์เข้าเขตเมือง หวั่นกระทบร้านค้าย่อย
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 4 กันยายน 2549 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชมรมผู้ประกอบการค้าจังหวัดกระบี่ นำโดย นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ นายไชยสิน เบญจอริยกุล ประธานชมรมผู้ค้าจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยสมาชิกประมาณ 50 คน ได้แต่งกายด้วยเสื้อเหลือง เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ ด้วยการถือป้ายผ้า มีข้อความว่า ?เราอยู่ร่วมกันได้ แต่ในระยะห่าง 15 กม.เท่านั้น? พร้อมขอเข้าพบ นายสนธิ เตชานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่
ทั้งนี้ เพื่อยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือ ผู้ประกอบการค้าปลีก ค้าส่ง จังหวัดกระบี่ เนื่องจากทราบว่าค้าปลีกต่างชาติได้มาซื้อที่ดิน บริเวณตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ เพื่อเตรียมที่จะก่อสร้างเปิดกิจการในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการ ที่ไม่สามารถจะทำธุรกิจแข่งกับค้าปลีกต่างชาติได้
ต่อมา นายชาย พานิชพรพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ออกมารับหนังสือจากตัวแทนและเชิญเข้าร่วมประชุม พร้อมรับฟังการชี้แจงถึงความเดือดร้อนจากผู้ประกอบการ ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดกระบี่ พร้อมกับกล่าวว่า จังหวัดได้ติดตามเรื่องดังกล่าวมาตลอด และทราบว่า เมื่อมีห้างยักษ์เกิดขึ้นในเขตเมือง ก็จะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการในเขตเมืองอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ได้ร่วมหารือกับโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดกระบี่แล้ว ทราบว่า กฎกระทรวงเดิมที่มีผลบังคับ ห้ามค้าปลีกข้ามชาติเกิดในเขตเมืองที่มีระยะไม่เกิน 15 กิโลเมตร ขาดอายุไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2549
นายชาย ได้กล่าวต่อไปว่า การที่จะห้ามไม่ให้ค้าปลีกเกิดในเขตเมืองในช่วงนี้ คงจะห้ามไม่ได้ เนื่องจากผู้ที่จะเข้ามาดำเนินการ ก็ทำถูกต้องตามกฎหมาย ทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือ การขอความร่วมมือเจ้าของพื้นที่ที่ค้าปลีกข้ามชาติ ที่จะเข้ามาเปิดกิจการ ซึ่งทราบว่าจะมีการมาเปิดที่ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ อยู่รอยต่อกับเทศบาลเมืองกระบี่ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ในการจะให้สร้างหรือไม่ให้ก่อสร้างก็ได้
ในส่วนของจังหวัดเอง ไม่มีอำนาจไปบังคับ ซึ่งทางที่ดีทุกฝ่ายจะต้องฟังทางเจ้าของพื้นที่ด้วย และต้องหาคำตอบให้เขาด้วยว่า สาเหตุที่ห้ามสร้าง เพราะอะไร และว่า เมื่อมีการนำเรื่องนี้มาพูดคุยกันแล้วก็จะต้องมีการทบทวนผังเมืองทั้งจังหวัดด้วย เพื่อป้องกันสิ่งที่จะเกิดมาอีกในภายภาคหน้า โดยจะเชิญทุกฝ่ายมาประชุมกันอีกครั้งไม่เกินวันที่ 7 ก.ย.นี้
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ ได้กล่าวว่า การที่ชมรมผู้ประกอบการค้าจังหวัดกระบี่ เข้ายื่นหนังสือกับทางจังหวัด เพื่อขอให้ช่วยประสานกับทาง อบต.ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ให้ทบทวนการที่จะอนุญาตให้ค้าปลีกข้ามชาติเข้ามาดำเนินกิจการ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้กับเทศบาลเมืองเกินไป มีระยะห่างเพียง 5 กม.เท่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งจังหวัดกระบี่ได้รับผลกระทบ และจะส่งผลกระทบต่อไปยังลูกหลานชาวกระบี่ในอนาคต ที่จะไม่สามารถทำธุรกิจแข่งกับค้าปลีกข้ามชาติได้ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนไป
นายวัฒนา กล่าวอีกว่า การที่ตนพร้อมด้วยผู้ประกอบการออกมาเป็นแกนนำยื่นหนังสือ ตนไม่ได้กีดกันไม่ให้ค้าปลีกต่างชาติมาลงทุนในจังหวัดกระบี่ เพียงแต่การอนุญาตจะต้องมีกฎเกณฑ์ มีการควบคุมกำกับดูแล เพื่อให้ค้าปลีกท้องถิ่นอยู่ได้
เงื่อนไขของประกาศกรมโยธาธิการและผังเมือง เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ในการวางและจัดทำผังเมืองรวม ในท้องที่กระบี่ (การอนุญาตอาคารพาณิชยกรรมค้าปลีก ค้าส่ง) ที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 คือ ค้าปลีกขนาดใหญ่ จะต้องสร้างห่างจากเขตเมืองไม่ต่ำกว่า 15 กิโลเมตร ซึ่งผู้ประกอบการรับได้ แต่เมื่อกฎหมายดังกล่าวหมดอายุลง และจะมาสร้างในเขตเมืองผู้ประกอบการรับไม่ได้
?ตนไม่เชื่อว่า ทุนต่างชาติ จะเข้ามาสร้างความเจริญให้กับจังหวัดกระบี่ เหมือนกับทุนใหญ่กินทุนน้อย ซึ่งเป็นการเอาเปรียบกันเกินไป โดยจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัด สังคมกระบี่คนกระบี่ต้องเป็นผู้สร้าง และสร้างมาแล้วจนเจริญกว่า 50 ปี อยู่ๆ ทุนต่างชาติจะมาชุบมือเปิบเป็นการเอาเปรียบเกินไป แต่ตนก็ไม่ค้าน แต่ต้องสร้างห่างจากตัวเมือง 15 กม.? นายวัฒนา กล่าว
สำหรับ ข้อเสนอแนะ/ข้อพิจารณา ที่ทางผู้ประกอบการค้าจังหวัดกระบี่ ขอให้ทางจังหวัดช่วยเหลือ ประกอบด้วย
1.ขอความกรุณาจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้โปรดประสานงานไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลกระบี่น้อย และองค์การบริหารส่วนตำบลไสไทย เพื่อขอจะให้มีการพิจารณาอนุญาตให้ค้าปลีกต่างชาติมาลงได้
2.ให้มีหนังสือประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้มีการต่ออายุการบังคับใช้ประกาศกรมโยธาธิการและผังเมือง เรื่องการอนุญาตอาคารพาณิชยกรรมค้าปลีกค้าส่งที่บังคับใช้ในปี 2546 อย่างเร่งด่วน
3.ขอให้มีหนังสือไปยังรัฐบาล เพื่อให้ความเห็นชอบกฎหมายค้าปลีกค้าส่งของกระทรวงพาณิชย์ที่ได้กำหนดประเภทของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ในประเทศไทย และขนาดของธุรกิจค้าปลีกที่จะต้องขออนุญาตและสถานที่ที่จะอนุญาตให้จัดตั้งห้างค้าปลีกได้ เพื่อป้องกันการขยายสาขาเข้าไปสู่ที่ชุมชนเมือง ที่จะสร้างผลกระทบให้กับชุมชนเมืองและกฎหมายนี้จะเป็นการกำกับดูแล ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ในประเทศไทยทุกประเภท ตั้งแต่ระดับไฮเปอร์มาร์เก็ต ดิสเคาต์สโตร์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ
4.ขอได้โปรดมีหนังสือไปยังกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอให้นำแนวทางการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมในธุรกิจค้าปลีกค้าส่งภายใต้ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 มาใช้เร่งด่วนเพื่อกำหนดพฤติกรรมที่ผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ จะต้องปฏิบัติต่อซัปพลายเออร์ที่เป็นธรรมเช่น การกำหนดราคาให้เป็นธรรม การเรียกผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรม การคืนสินค้าที่ไม่เป็นธรรม การใช้สัญญาขายฝากที่ไม่เป็นธรรม การบังคับซื้อหรือขายสินค้า หรือชำระค่าบริการที่ไม่เป็นธรรม การใช้พนักงานของบริษัทของผู้ผลิตสินค้าที่ไม่เป็นธรรม การปฏิเสธซื้อสินค้าที่สั่งให้ผู้ผลิตผลิตให้ รวมไปถึงการปฏิบัติไม่เป็นธรรมอื่นๆ ของผู้ค้าปลีกที่เป็นการเอาเปรียบทางด้านการค้า
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์