กระบี่, ตร.กระบี่รวบเอเยนต์ยาเสพติดรายใหญ่ของกลางกว่า 1 ล. ( ข่าวกระบี่ )
ตำรวจเมืองกระบี่โชว์ผลงานชิ้นโบแดงรวบเอเยนต์ยาเสพติดรายใหญ่ได้ของกลางมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่วานนี้ (24 ก.ค.) พล.ต.ต.เสริมพันธ์ สิงห์ทอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ นายวิสุทธิ อนันตพงศ์ นายอำเภอเมืองกระบี่ พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา ผกก.สภ.อ.เมืองกระบี่ พ.ต.ท.ยศพล บุญล้น รอง ผกก.(ป) สภ.อ.เมืองกระบี่ พ.ต.ท.สาคร บุญยรักษ์ สว.สส.สภ.อ.เมืองกระบี่ แถลงข่าวจับกุมเอเย่นต์ค้ายาบ้าและกัญชารายใหญ่ โดยมีนายอนุชา หรือเฉม แสะแหละ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 ถนนเมืองเก่า ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่ พร้อมด้วยนายสุเทพ กิ้นติ้น อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 หมู่ 2 ตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล เป็นผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 2,410 เม็ด และ กัญชาอัดแท่ง 100 กิโลกรัม เหตุเกิดที่บริเวณบ้านเลขที่ 123 ซอยสมบูรณ์ ถนนมหาราช ต.กระบี่ใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2549 พ.ต.ท.สาคร บุญรักษ์ สว.สส.สภ.อ.เมืองกระบี่ ได้รับรายงานจาก จ.ส.ต.สุรศักดิ์ เกิดสุข ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.อ.เมืองกระบี่ ส.ต.อ.จุมภฎ ธรรมโชติ ผบ.หมู่ งานสืบสวน สภ.อ.เมืองกระบี่ และชุดสืบสวน สภ.อ.เมืองกระบี่ ได้เข้าทำการจับกุม นายประสิทธิ์ มงคลบุตร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/1 ม.6 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ มีพฤติการณ์จำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (กัญชา) ให้กับกลุ่มวัยรุ่นในเขตพื้นที่ ต.กระบี่น้อยฯ และบริเวณใกล้เคียง
ซึ่งทราบว่ารับมาจาก นายถนอม หรือบ่าว จินตยะ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 ถ.มหาราช ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยใช้บ้านเลขที่ดังกล่าว เป็นที่ซุกซ่อนและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภทดังกล่าว ให้กับกลุ่มวัยรุ่นในเขตพื้นที่ ต.กระบี่ใหญ่ฯ และบริเวณใกล้เคียง จึงรายงานให้ พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา ผกก.สภ.อ.เมืองกระบี่ พ.ต.ท.ยศพล บุญล้น รองผกก. (ป) สภ.อ.เมืองกระบี่ ทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดกระบี่ และศาลได้อนุญาตให้ทำการตรวจค้นบ้านพักของ นายประสิทธิ์ฯ ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2549 ตรวจค้นบ้านพักของ นายถนอมฯ ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2549
ผลของการตรวจค้นบ้านพักนายประสิทธิ์ฯ พบเศษกัญชาที่หลงเหลืออยู่ในถุงพลาสติกหลายใบ ซึ่งได้เก็บรวบรวมไว้ แล้วจับกุมดำเนินคดีในข้อหา ?มียาเสพติดให้โทษในประเภท 5 กัญชา โดยไม่ได้รับอนุญาต? นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี และทำการสืบสวนขยายผลในเบื้องต้น ทราบว่า ซื้อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (กัญชา) มาคราวละ ½ กก. ในราคา 7,000 บาท จาก นายบ่าว ไม่ทราบนามสกุล อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งจะขับรถยนต์ตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ หมายเลขทะเบียน ไม่ทราบหมวดอักษร จำได้แต่เพียงว่า 505 กระบี่ จึงได้ออกติดตาม
โดยเมื่อเวลา 05.00 น.ของวันที่ 24 พบรถต้องสงสัยจอดอยู่ภายในบริเวณบ้านเลขที่ 123 ถ.มหาราช ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งเป็นบ้านของนายถนอม จึงได้เข้าตรวจค้นและจากการตรวจค้น ซึ่งมี นางคลี่ จินตยะ อายุ 68 ปี มารดา ของนายถนอมหรือบ่าวฯ พักอาศัยอยู่ แต่ไม่พบตัว นายถนอม ทราบว่า ขับรถทัวร์นำนักท่องเที่ยวไปจังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้ยังพบรถยนต์ตู้ยี่ห้อ โตโยต้า สีดำ หมายเลขทะเบียน นข-505 กระบี่ จอดอยู่ภายในบริเวณบ้านเลขที่ 123 ซ.สมบูรณ์ ถ.มหาราช ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่ โดยมีนายอนุชา และนายสุเทพ ได้เดินหลบไปทางบริเวณหลังบ้าน หลบซ่อนอยู่ในห้องน้ำ จึงเข้าจับกุม พร้อมกันนั้นนางคลี่ ได้ทำการปิดประตูรั้วหน้าบ้าน จึงได้แสดงตัว และขอทำการตรวจค้นพบกัญชาของกลางจำนวน 7 ลัง ทำเป็นก้อน ขนาด 900 กรัม จำนวน 114 ก้อน น้ำหนักประมาณ 100 กก. บรรจุอยู่ในลังกระดาษซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์ตู้ยี่ห้อโตโยต้า และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 2,410 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในซอกใต้พื้นของรถ จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า ของกลางดังกล่าวเป็นของนายถนอมหรือบ่าว ซึ่งประกอบกิจการนำเที่ยว บ.สปิต้าร์ทัวร์ และจากการตรวจค้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าสปอร์ตไรเดอร์ สีเขียว หมายเลขทะเบียน กข-1263 กระบี่ จอดอยู่ภายในบริเวณบ้าน พบยาบ้าจำนวน 2 เม็ด ตกอยู่ภายในรถยนต์โดยมีนางประเมินหรือหมวย ตัณฑวานิช อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120 ถ.เจ้าคุณ ต.ปากน้ำ อ.เมือง กระบี่ อดีตภรรยาของนายถนอมเป็นเจ้าของ จึงได้ตรวจยึด
พล.ต.ต.เสริมพันธ์ สิงห์ทอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายจะคัดค้านการประกันตัวอย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะนายอนุชา ซึ่งทราบว่าเคยต้องโทษคดีขนยาบ้าและถูกจับได้ที่จังหวัดชุมพรก่อนหน้านี้ ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการประกันตัว ส่วนนางคลี่ ซึ่งอยู่ภายในบ้านขณะเกิดเหตุ และนางประเมิน เป็นเจ้าของรถ ในเบื้องต้นก็จะออกหมายจับด้วย เนื่องจากมีเหตุน่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ค้ายาเสพติดทั้ง 2 ราย และส่วน นายถนอม ที่ทางผู้ต้องหาซัดทอดก็จะติดตามจับตัวมาลงโทษต่อไป ส่วนทรัพย์สิน รถตู้และรถยนต์สปอร์ตไรเดอร์ ก็จะยึดเป็นของหลวง
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์