ระนอง - ระนอง ประกาศให้อำเภอกระบุรี เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติด้านโรคมาลาเรีย
หลังจากที่จังหวัด ระนอง มีการระบาดของโรคไข้มาลาเรีย ซึ่งพบผู้ป่วยแล้ว รวม 1,464 ราย แยกเป็นผู้ป่วยคนไทย 835 คน หรือร้อยละ 57 และคนพม่า 629 คน หรือร้อยละ 43 ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 25-54 ปี พบมากที่อำเภอกระบุรีถึงร้อยละ 76 โดยเฉพาะตำบล จปร., ปากจั่น และลำเลียง เนื่องจากเป็นพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศพม่า และเป็นป่าเขา อาชีพการทำสวนยางจึงเสี่ยงต่อการรับเชื้อมาลาเรียสูงกว่าอาชีพอื่นๆ ส่วนอำเภออื่นๆ พบเล็กน้อย มีผู้ป่วยที่เสียชีวิตทั้งหมด 4 ราย แยกเป็นคนไทย 1 ราย พม่า 3 ราย นั้น
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ระนอง กล่าวว่า ขณะนี้นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัด ระนอง ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประกาศให้จังหวัด ระนอง เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติด้านโรคมาลาเรียแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอกระบุรี ที่มีการระบาดมากที่สุด เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายเงินงบฉุกเฉินมาจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์สนับสนุนเจ้าหน้าที่ได้
อย่างไรก็ตาม ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวไม่ต้องกังวล เพราะขณะนี้สถานการณ์เริ่มลดลงแล้ว หากเทียบกับเมื่อปีที่ผ่านมา พบว่าปีนี้มีผู้ป่วยยังน้อยกว่า
โรคมาลาเรียถือเป็นโรคประจำถิ่นของจังหวัด ระนอง พบการระบาดได้ตลอดทั้งปี โดยจะพบมากที่สุดในช่วงฤดูฝนช่วงเดือนพฤษภาคม-เดือนมิถุนายน เนื่องจากเป็นพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศพม่า และเป็นป่าเขา อาชีพการทำสวนยางจึงเสี่ยงต่อการรับเชื้อมาลาเรียสูงกว่าอาชีพอื่นๆ
ทั้งนี้ หากประชาชนมีอาการไข้เป็นไข้ขึ้นสูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามร่างกาย ขอให้รีบไปเจาะเลือดเพื่อหาเชื้อมาลาเรียที่หน่วยควบคุมโรคนำโดยแมลงในพื้นที่โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งจะทราบผลการตรวจได้ภายใน 20-25 นาที หากพบเชื้อเจ้าหน้าที่จะจ่ายยาฆ่าเชื้อให้กินติดต่อกัน 3 วัน อาการก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่หากปล่อยไว้ไม่รักษาเชื้อจะลุกลามเข้าสู่สมอง ทำให้เสียชีวิตได้
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์