ผู้ว่าฯระนอง สั่งเจ้าหน้าที่ล่าตัวนายหน้าที่ลักลอบนำชนกลุ่มน้อยอาระกันเข้าจังหวัดระนอง หลังตำรวจน้ำจับกุมได้อีก 84 คน ขณะใช้เรือประมงลักลอบเข้าเมืองกลางทะเลอันดามัน
พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ สารวัตรหัวหน้าสถานีตำรวจน้ำระนอง พร้อมด้วย พ.ต.ต.นิรัตน์ ช่วยจิตร สารวัตรตำรวจน้ำระนอง นำกำลังลงเรือตรวจการณ์ชายฝั่งหมายเลข 540 และเรือเร็ว รน.32 ออกสกัดจับเรือประมงไม่ทราบชื่อและสัญชาติ กลางทะเลอันดามันที่บริเวณทางทิศตะวันตกเกาะสินไห หมู่ที่ 4 ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง หลังได้รับแจ้งว่าเป็นเรือของคนต่างด้าว
เมื่อเดินทางไปถึงจึงส่งสัญญาณของตรวจค้น พบคนต่างด้าวเป็นชนกลุ่มน้อยอาระกัน หรือยะไข่ เต็มลำเรือ เป็นชายล้วน จำนวน 84 คน จึงควบคุมตัวพร้อมเรือของกลางไปขึ้นฝั่งที่แพปลาธงไทยดี ปากน้ำระนอง โดยมี นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ร่วมตรวจสอบด้วยตัวเอง
จากการสอบสวน นายมามุสตานี อายุ 45 ปี คนขับเรือ ให้การว่า พวกตนออกเดินทางจากเมืองเมาดอร์ รัฐอาระกัน หรือยะไข่ ประเทศพม่า เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา เพื่อมาหานายหน้าที่อยู่ระนอง แต่ไม่ทราบชื่อว่าเป็นใคร แล้วจะเดินทางต่อไปหางานทำที่ประเทศมาเลเซีย จึงควบคุมตัวส่งเจ้าหน้าที่ ตม.ดำเนินคดีตามกฎหมายและผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ สมช. ได้มีนโยบายว่า เมื่อมีการจับกุมชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ได้แล้วขอให้เจ้าหน้าที่สอบสวนให้ชัดเจนว่า เป็นชนกลุ่มน้อยโรฮิงญาจากประเทศบังกลาเทศ หรืออาระกัน จากประเทศพม่า หากเป็นอาระกันให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองผลักดันออกทางทะเลอันดามัน หรือด่านอื่นๆ ที่ไม่ใช่ด่านแม่สอด เพราะที่ผ่านมาจะผลักดันออกทางด่านแม่สอด จะมีปัญหาว่าคนกลุ่มนี้จะพยายามลักลอบกลับเข้ามาอีก และอาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอื่นๆ อีก
ทั้งนี้ หากเป็นชาวบังกลาเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานกับประเทศบังกลาเทศ เพื่อส่งตัวกลับ และที่สำคัญ ทุกครั้งที่มีการจับกุมต้องสืบสวนสอบสวนขยายผลหาตัวนายหน้ามาลงโทษตามกฎหมายให้ได้
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์