ระนอง, จับอีกชนกลุ่มน้อยลอบเมืองระนองคราวนี้ร่วม 100 คน ( ข่าวระนอง )

ทหารกองเรือภาคที่ 3 กองเรือยุทธการ สนธิกำลังตำรวจน้ำระนอง จับชนกลุ่มน้อยอาระกัน-โรอิงญาอีกแล้ว คราวนี้หนักสุดร่วม 100 คน ขณะใช้เรือประมงดัดแปลงลักลอบเข้าเมืองฝั่งจังหวัดระนอง ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดถอดใจ ยิ่งจับยิ่งเพิ่ม

เมื่อเวลา 01.30 น.วันนี้ (8 ก.พ.) พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ สารวัตรหัวหน้าสถานีตำรวจน้ำระนอง พร้อมด้วย พ.ต.ต.นิรัตน์ ช่วยจิตร์ สารวัตรตำรวจน้ำระนอง นำเรือตรวจการณ์ชายฝั่งตำรวจน้ำ หมายเลข 540 และ เรือเอกเจษฎาพร เนียมประพันธ์ ผู้บังคับการเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง 96 (ต.96) กองเรือภาคที่ 3 กองเรือยุทธการ สนธิกำลังกันออกสกัดจับชนกลุ่มน้อยอาระกัน หรือยะไข่ จากประเทศพม่า และโรฮิงญา มุสลิม จากประเทศบังกลาเทศ ได้จำนวน 100 คน อายุระหว่าง 12-40 ปี เป็นชายล้วน กลางทะเลอันดามัน บริเวณทางด้านทิศตะวันตกเกาะพยาม หมู่ที่ 1 ต.เกาะพยาม อ.เมืองระนอง ขณะใช้เรือประมงลักลอบเดินทางเข้าจังหวัดระนอง

จึงควบคุมตัวไปขึ้นฝั่งที่ท่าเทียบเรือระนอง หมู่ที่ 5 ต.ปากน้ำ อ.เมือง โดยมีนางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายบุญญะพัฒน์ จันทรอุไร นายอำเภอเมือง และ พ.ต.อไกรวุฒิ ชวาลเสนีย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ร่วมตรวจสอบ

จากการตรวจค้นพบเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ของนายหน้า ทั้งที่จังหวัดระนอง และประเทศมาเลเซียเขียนไว้ตามเสื้อผ้า เพื่อใช้สำหรับติดต่อประสานงาน ระหว่างเดินทาง ซึ่งมี นายซาบาอาลา อายุ 45 ปี เป็นผู้นำพาเข้ามา รสอบสวนโดยใช้ล่ามแปลทราบว่า ทั้งหมดออกเดินทางจากเมืองเกาะบาซา ระหว่างพรมแดนประเทศบังกะลาเทศกับประเทศพม่า เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2550 โดยได้รวบรวมเงินซื้อเรือประมงมาหนึ่งลำในราคา 800,000 จ๊าต พร้อมเสบียงอาหาร

ทั้งนี้ มีเป้าหมาย เพื่อมาหางานทำที่จังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะมีนายหน้าคอยประสานงานติดต่อกันตลอดเวลา จากนั้นได้นำตัวทั้งหมดไปควบคุมไว้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองระนอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และผลักดันออกนอกประเทศต่อไป

นางกาญจนาภา กี่หมัน ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ทุกเบอร์ว่า อยู่ในพื้นที่ใดบ้าง ถ้าอยู่ในจังหวัดระนอง ก็ให้ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ หากอยู่ในจังหวัดใกล้เคียง ก็ให้ประสานขอความร่วมมือในการจับกุมต่อไปด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจับกุมชนกลุ่มน้อยอาระกันในครั้งนี้ ถือว่าได้จำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยจับกุมมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2549 เป็นต้นมา ถือเป็นการจับกุมครั้งที่ 4 ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และคาดว่า ยังคงมีการอพยพเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์