อบจ.ระนอง เลื่อนลงมติรับมอบบ้านพักนักท่องเที่ยวบ่อน้ำแร่ร้อนบ้านพรรั้ง หลังสมาชิกส่วนใหญ่ให้ตั้งกรรมการศึกษารายละเอียดผลดีผลเสียก่อน
องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ระนอง ได้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญสมัยที่ 1 ประจำปี 2550 โดยมีนายอิสหาก สาลี ประธานสภา อบจ.ระนอง เป็นประธานการประชุม โดยเฉพาะวาระที่ 6 เรื่องญัตติขอความเห็นชอบ ในการรับมอบบ้านพักนักท่องเที่ยว บริเวณบ่อน้ำแร่ร้อนบ้านพรรั้ง ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง ที่สมาชิกสภา อบจ.ให้ความสนใจและอภิปรายกันอย่างกว้างขวางมากที่สุด ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ อบจ.รับมาบริหารจัดการในทันที เพราะยังขาดความชัดเจนในรายละเอียดต่างๆ ไม่มีเอกสารใดๆ มายืนยัน
หลังจากที่อภิปรายกันนานกว่าชั่วโมง จนประธานการประชุมต้องสั่งพักเที่ยงก่อน เพราะล่วงเลยไปถึงเวลา 12.30 น.แล้ว จากนั้นในเวลา 13.30 น.ได้ประชุมกันต่อและในที่สุดที่ประชุม ได้เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญขึ้นมา 1 ชุดเพื่อศึกษาผลดีผลเสียของการรับบ้านพักบ่อน้ำร้อนพรรั้ง ให้รอบคอบเสียก่อน โดยมีระยะเวลาศึกษาไม่เกิน 10 วัน แล้วจึงเปิดสภาขอลงมติใหม่อีกครั้งหนึ่งก่อนวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2550
นายบุญเลิศ ลิ่มตั้ง ส.อบจ.เขต อ.เมืองระนอง กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วยที่ อบจ.จะรับมอบบ้านพักนักท่องเที่ยวบ่อน้ำแร่ร้อนบ้านพรรั้ง มาบริหารจัดการเอง น่าจะมีการศึกษาถึงเรื่องกำไร-ขาดทุนให้ดีก่อนว่ามีความคุ้มค่าหรือไม่ ควรมีการตั้งคณะกรรมการศึกษาความเป็นไปได้ก่อน ไม่ควรเร่งรีบรับมาในขณะนี้ เห็นควรให้เลื่อนการขอมติออกไปก่อน และการที่กรมป่าไม้ไม่บริหารจัดการเองน่าจะคิดแล้วว่าโครงการดังกล่าวไม่คุ้มค่ากับการลงทุน จึงยอมให้ อบจ.เข้าไปดูแล
หาก อบจ.ทำสำเร็จ ทางกรมป่าไม้ก็จะดึงกลับไปทำเองอีก ดังนั้น ต้องให้ตัวแทนของกรมป่าไม้เข้ามาชี้แจงต่อสภา อบจ.ด้วย ว่าจะมอบพื้นที่ดังกล่าวให้ อบจ.ดูแลอย่างถาวรหรือไม่ หรือดูแลชั่วคราวเท่านั้น ถ้ารับมาโดยไม่ได้ศึกษาก็จะเป็นภาระกับงบประมาณที่ลงทุนต่อไปปีละนับล้าน
นายบดินทร์ ฉัตรมาลีรัตน์ นายก อบจ.ระนอง กล่าวว่า โครงการพัฒนาบ่อน้ำแร่ร้อนบ้านพรรั้ง ได้รับการสนับสนุนงบประมาณโครงการพัฒนาจังหวัดแบบบูรณาการ (ซีอีโอ) จำนวน 25 ล้านบาทเดิมอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว เป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการทั้งหมด ซึ่งมีด้วยกันสองส่วน คือ ส่วนของสปาและอาคารสำนักงานและบ้านพักนักท่องเที่ยวรวม 10 หลัง
แต่จากการตรวจสอบพิกัดพื้นที่พบว่ามีปัญหาส่วนของอาคารสำนักงานและบ้านพักอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ทำให้เกิดปัญหาในเชิงของการบริหารจัดการ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวทางจังหวัดระนองและกรมป่าไม้ต้องการมอบพื้นที่ส่วนของสำนักงานและบ้านพักให้ อบจ.ระนอง เข้าไปดูแล แต่ในส่วนของสปายังคงอยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานฯหงาวเช่นเดิม
นายบดินทร์ กล่าวว่า ในการบริหารจัดการต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแล และค่าจ้างพนักงาน จึงจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากสภา อบจ.ก่อน โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องของกำไร หรือขาดทุน แต่ถือเป็นการทำเพื่อประโยชน์แก่จังหวัดระนองในด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเชิงสุขภาพเป็นหลัก แต่ในเมื่อสมาชิกส่วนใหญ่ต้องการอย่างนั้นตนก็พร้อมที่จะรับฟังเหตุผล ไม่ดื้อดึง ทุกอย่างต้องว่ากันตามเหตุและผล
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์