ประมง ระนอง ขอความหวังจากรัฐบาลชุดใหม่ ให้ช่วยเหลือน้ำมันราคาถูก
นายทวี บุญยิ่ง ที่ปรึกษาสมาคมประมงแห่งประเทศไทย และที่ปรึกษาสมาคมประมงระนอง กล่าวว่า เห็นด้วยที่มีการเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่ เชื่อว่า ทุกอย่างคงจะดีขึ้น ซึ่งชาวประมงทั้ง 22 จังหวัดชายฝั่งทะเล ก็เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และสิ่งที่ชาวประมงรอความหวัง อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือมากที่สุด ในขณะนี้ คือ ราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการทำประมง ทำอย่างไรก็ได้ให้ราคาน้ำมันลดลงกว่าราคาหน้าปั๊มลิตรละ 2 บาท โดยอาจจะนำเอาโครงการน้ำมันเขียว น้ำมันม่วง มาใช้อีกครั้งหนึ่ง
นายทวี กล่าวอีกว่า ในช่วงรัฐบาลก่อน ได้มีการเสนอว่าให้สมาคมประมงแห่งประเทศไทย นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากประเทศใดก็ได้ แล้วเอามาเสียภาษีสรรพสามิตลิตรละ 1 บาท โดยไม่ต้องผ่านโรงกลั่นไม่ต้องจ่ายค่าการตลาด แล้วขายให้เรือประมงในทะเลโดยไม่ต้องนำขึ้นฝั่ง เพื่อลดต้นทุน และในการขนส่ง ตรงนี้จะช่วยชาวประมงได้มากที่สุด
อีกทางหนึ่ง คือ ให้เอาน้ำมันที่กลั่นในประเทศ เพื่อการส่งออกมาขายให้กับชาวประมง ซึ่งจะถูกกว่าราคาขายในประเทศถึงลิตรละ 3-4 บาท ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมรัฐบาลก่อนทำไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลชุดใหม่น่าจะนำมาพิจารณาใหม่ได้ เพื่อความอยู่รอดของชาวประมงและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
นายทวี กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันราคาสัตว์น้ำทะเล กับราคาน้ำมันยังไม่สมดุลกัน ทำให้ชาวประมงจำนวนมากประสบความขาดทุน ส่วนราคาปลาป่นอยู่ที่กิโลกรัมละ 6-7 บาท ถือว่าพอเลี้ยงตัวเองได้ หากราคาสัตว์น้ำทะเลปรับขึ้นอีกนิดหนึ่ง หรือไม่ก็ให้ราคาน้ำมันลดลงอีกก็จะทำให้ชาวประมงอยู่ได้ ผู้บริโภคก็อยู่ได้ จะทำให้ชาวประมงมีอาชีพที่ยั่งยืนต่อไป
นายทวี กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายของรัฐบาลชุดก่อน ที่ต้องการให้เรือประมงมาใช้แก๊สเอ็นจีวี (NGV) นั้นเป็นไปได้ยาก เพราะต้องลงทุนอีกมาก ต้องสร้างปั๊มแก๊สลอยน้ำในทะเลด้วย หากจะให้เรือประมงขนาดใหญ่เติมแก๊สจากบนฝั่งไปก็คงไม่คุ้มค่า เพราะเรือทั้งลำคงมีแต่ถังแก๊ส ไม่มีที่เก็บปลา เพราะเรือออกไปแล้วกว่าจะกลับเข้าฝั่งอย่างน้อยต้อง 15 วัน แต่เรือที่เหมาะสมกับการใช้แก๊สน่าจะเป็นเรือประมงขนาดเล็กที่ออกทำประมงชายฝั่ง
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์