ตำรวจน้ำระนองจับพม่า 12 คน พร้อมชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ 2 คัน และสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะใช้เรือหางยาวเป็นพาหนะเตรียมกลับไปยังจังหวัดเกาะสอง
เมื่อเวลา 00.30 น.วันนี้ (12 ก.ย.) พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ สารวัตรหัวหน้าสถานีตำรวจน้ำระนอง ร.ต.อ.นิรัตน์ ช่วยจิตร รองสารวัตรตำรวจน้ำระนอง พร้อมกำลัง ขณะใช้เรือตรวจการณ์ หมายเลข 540 ออกลาดตระเวนบริเวณปากน้ำระนอง ได้รับแจ้งว่า มีเรือหางยาว 1 ลำ บรรทุกชาวพม่าเต็มลำเรือ กำลังแล่นออกไปยังจังหวัดเกาะสอง ประเทศพม่า จึงได้วิทยุสื่อสารให้เจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งนำเรือเร็ว รน.32 ออกสกัดเพื่อขอตรวจค้น
ทั้งนี้ สามารถจับกุมได้ที่บริเวณร่องน้ำด้านทิศใต้ของปากน้ำระนองหมู่ที่ 1 ต.ปากน้ำ อ.เมือง ปรากฏว่า ในเรือมีชาวพม่า จำนวน 12 คน นั่งอยู่เต็มลำเรือ เป็นชายล้วน ตรวจสอบพบชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ 2 คัน บรรจุอยู่ในลังกระดาษ นอกจากนี้ ยังพบปุ๋ยยูเรีย 15 กระสอบ น้ำมันปาล์ม 10 ปี๊บ ผงชูรส 2 กระสอบ จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางไปสอบสวนที่สถานีตำรวจน้ำระนอง
จากการสอบสวน นายอ่าว อายุ 40 ปี คนขับเรือให้การว่า รถจักรยานยนต์ทั้งสองคันได้ซื้อมาจากคนไทย โดยแยกชิ้นส่วนเพื่อความสะดวกในการขนส่ง ส่วนชาวพม่าทั้งหมดได้ขอโดยสารไปยังจังหวัดเกาะสอง ส่วนปุ๋ยยูเรีย น้ำมันปาล์ม ผงชูรส นำไปขายที่เกาะสอง
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่เชื่อ โดยจะมีการตรวจสอบอีกครั้งว่า รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน น่าจะเป็นรถที่ขโมยมาแล้วแยกชิ้นส่วนไปขายที่เกาะสอง ส่วนปุ๋ยยูเรีย น่าจะนำไปส่วนผสมของระเบิด ที่บรรจุในไหดินเผา เพื่อนำไประเบิดปลาในน่านน้ำของพม่า สำหรับน้ำมันปาล์ม และผงชูรส เป็นสินค้าที่ที่ทางการพม่าห้ามน้ำเข้าจากประเทศไทย ซึ่งน่าจะนำไปขายให้ชาวพม่าเนื่องจากขาดตลาด
เบื้องต้นได้ตั้งข้อหาร่วมกันลักลอบนำ หรือส่งรถจักรยานยนต์ และสินค้าเบ็ดเตล็ดออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร และเป็นบุคคลต่างต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์