กกต.ภูเก็ต สมัครและทาบทามบุคคลเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดภูเก็ต ชุดใหม่ 19-23 ก.พ.นี้
นายนิพนธ์ โภคบุตร หัวหน้างานการจัดการเลือกตั้ง แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงการรับสมัครและทาบทามบุคคล เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต ว่า ด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต ได้ครบวาระการดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2550 และคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้กำหนดแผนและขั้นตอนการสรรหาและแต่งตั้ง กกต.จังหวัดภูเก็ตชุดใหม่ ให้แล้วเสร็จในวันที่ 5 เมษายน 2550
ทั้งนี้ ให้อนุกรรมการสรรหาฯ ซึ่งมี นายบัณฑูร ทองตัน อัยการ จ.ภูเก็ต เป็นประธานคณะอนุกรรมการสรรหาฯ สรรหาจากบุคคลที่มีคุณสมบัติตามข้อ 12 และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 13 แห่งระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งประจำจังหวัด และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด พ.ศ.2550 จำนวน 2 วิธี คือ
1.วิธีรับสมัคร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดได้ประกาศกำหนดวันรับสมัคร ในระหว่างวันที่ 19-23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 08.30-16.30 น.ณ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต และ 2.วิธีทาบทามโดยอนุกรรมการสรรหาฯ แต่ละคนสามารถทาบทามได้ไม่เกินคนละ 3 ชื่อ และเมื่อทาบทามเสร็จแล้ว ให้หลักฐานการทาบทาม (ใบสมัคร) พร้อมแบบพิมพ์ให้ความยินยอม ต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดภูเก็ต ภายในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550
เมื่อเสร็จสิ้นการรับสมัคร ในวันดังกล่าวผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด จะทำบัญชีรายชื่อของผู้สมัครตามข้อ 1.และผู้ที่ได้รับการทาบทามตามข้อ 2.เสนอให้คณะอนุกรรมการสรรหาฯ เพื่อดำเนินการสรรหาโดยวิธีลงคะแนนลับให้เหลือ 15 คน และคณะกรรมการการเลือกตั้งคัดให้เหลือ 5 คน และแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัดต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในการสรรหาฯ ของอนุกรรมการสรรหา นอกจากสรรหาจากบุคคลที่มีคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังต้องพิจารณาสรรหาจากบุคคลเหล่านี้ด้วย คือ ผู้มีภูมิลำเนาในจังหวัดนั้นเป็นหลัก คัดเลือกจากบุคคลที่มีความรู้ความสามารถทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ การบริหาร นิเทศศาสตร์หรือสื่อสารมวลชน การบัญชี หรือการตรวจสอบภายใน
หรือเป็นสมาชิกองค์การเอกชน ที่มีผลงานด้านการส่งเสริมประชาธิปไตย หรือมีส่วนร่วมของประชาชน หรือมีประสบการณ์ และเชี่ยวชาญด้านการบริหารหรือการจัดการเลือกตั้ง หรือด้านการสืบสวนสอบสวน ห้ามเสนอชื่อและคัดเลือกจากอนุกรรมการสรรหา และให้พิจารณาโดยคำนึงถึงความหลากหลายของอาชีพ และการมีส่วนร่วมของสตรี และความพร้อม ในการปฏิบัติหน้าที่ตลอดมา
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์