ลักลอบตัดสายไฟฟ้าเพื่อนำลวดทองแดงขายระบาดหนักในภูเก็ต ไม่เว้นแม้แต่สายไฟฟ้าของสถานีทวนสัญญาณหอเตือนภัย จังหวัดภูเก็ต เข้มสั่งเอาผิดเด็ดขาดทั้งผู้ลักลอบและผู้รับซื้อ ขณะที่อัยการจังหวัดภูเก็ตรับลูกสั่งฟ้องดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดเช่นกัน
วันนี้ (30 ม.ค.) นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการความมั่นคงจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 1/2550 ณ โรงแรมถาวรแกรนด์ พลาซ่า โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
โดยในการประชุมวันนี้ นายสุทิน อุทัยธำรงค์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ได้นำปัญหาการลักลอบตัดสายไฟฟ้า เพื่อนำลวดทองแดงที่เป็นสายล่อฟ้าของสถานที่ทวนสัญญาณหอเตือนภัยของ อบจ.ที่ติดตั้งไว้ตามบริเวณชายหาดต่างๆ ทั่วเกาะภูเก็ต เพื่อทำหน้าที่ในการส่งสัญญาณเตือนภัยสึนามิ หรือภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยขณะนี้การลักลอบได้กระจายไปทั่วทั้งเกาะ ความเสียหายที่เกิดขึ้นไปต่ำกว่า 4-5 หมื่นบาท นำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่า
อย่างไรก็ตาม นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอ และผู้กับการสถานีตำรวจ เชิญผู้ประกอบการค้าของเก่าทุกรายในภูเก็ตมาประชุมเพื่อขอความร่วมมือในการไม่รับซื้อลวดทองแดงจากผู้ที่ไปลักลอบ และหากยังฝ่าฝืนจะดำเนินการในคดีรับซื้อของโจร
ขณะที่ นายบัณฑูร ทองตัน อัยการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำนักงานอัยการภูเก็ตเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นที่ในปัจจุบันมีการลักลอบตัดสายไฟฟ้า เพื่อเอาลวดทองแดงมาขายมีเพิ่มเป็นจำนวนมาก จากที่มีผู้รับซื้อในราคาที่สูงและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หากทางอัยการไม่ใช้มาตรการทางกฎหมายปัญหาก็จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทางอัยการจึงได้บรรยายในคำสั่งฟ้องให้การลักลอบตัดสายไฟฟ้า เพื่อเอาลวดทองแดงไปขายทำให้เกิดปัญหากับสังคมอย่างมาก และเป็นปัญหาที่ทำลายเศรษฐกิจด้วย
ทั้งนี้ เพราะหมู่บ้านจัดสรรบ้างหมู่บ้านกำลังก่อสร้างใกล้เสร็จเมื่อมีการลักตัดสายไฟฟ้า เพื่อเอาลวดทองแดงทำให้ต้องก่อสร้างใหม่ ซึ่งมีความเสียหายมากกว่ามูลค่าของรวดทองแดงมาก เท่ากับเป็นการทำลายเศรษฐกิจ ควรที่ศาลจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการดำเนินคดี และลวดทองแดงก็ไม่ใช้ทรัพย์ที่จะใช้ในการดำรงชีวิตอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นทางศาลจังหวัดภูเก็ต ก็เข้าใจปัญหาและเห็นด้วยกับมาตรการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ลักลอบตัดสายไฟฟ้าเพื่อนำรวดทองแดงไปขาย
ส่วนผู้ที่รับซื้อนั้น ยังคงรับซื้ออยู่เหมือนเดิม เพราะการลักลอบยังมีอยู่เหมือนเดิมไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด บางคดีจะเห็นว่า มีลวดทองแดงมัดเป็นกองๆ ซึ่งผู้รับซื้อจะปฏิเสธว่า ไม่ทราบว่าเป็นการลักลอบมาไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทางอัยการก็สั่งฟ้องผู้รับซื้อทุกรายเหมือนกัน รวมทั้งที่ผ่านมาศาลได้สั่งจำคุก 1 ปี และไม่รอลงอาญาด้วย เพื่อให้เห็นถึงการลงโทษที่เฉียบขาด และที่ผ่านมาการลักลอบลวดทองแดงเป็นคดีที่ติด 1 ใน 5 ของคดีที่เกิดขึ้นในภูเก็ต
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์