ภูเก็ต, ส่วยสถานบันเทิงภูเก็ตยังไม่จบ-ร้องอีกเก็บรายละ 5 หมื่น/เดือน ( ข่าวภูเก็ต )
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงแนวทางปฏิบัติของสถานบันเทิง
เก็บส่วยสถานบันเทิงภูเก็ตไม่จบ มีหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าฯอื้อ ข้าราชการกังฉินเรียกเก็บเงินรายละ 50,000 บาทต่อเดือนส่งให้ผู้ว่าฯ ผู้การตำรวจ นายอำเภอ ผู้ว่าฯสั่งสอบข้อเท็จจริงและยืนยันไม่เคยรับเงินสถานบันเทิงในภูเก็ต
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (25 พ.ค.) นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการอบรมให้ความรู้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงในภูเก็ต เพื่อเป็นการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจถึงแนวทางปฏิบัติของสถานบันเทิงในภูเก็ต ที่โรงแรมถาวรแกรนด์พลาซ่า โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วม 250 คน
นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้ฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ตเรียกผู้ประกอบการต่างๆ ในภูเก็ต ที่มีปัญหาในทางปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิต่างๆ ร้านขายของเก่า โรงแรม สถานบันเทิง ฯลฯ เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องของการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งในส่วนของสถานบันเทิงนั้นการประกอบการเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาอื่นๆ อีกหลายปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการแพร่ระบาดของโรคเอสด์ ปัญหาการค้ามนุษย์ รวมทั้งปัญหาการค้าประเวณี รวมทั้งการประกอบการของสถานบันเทิงเองก็มีปัญหามีการร้องเรียนเข้ามายังจังหวัดเป็นจำนวนมาก
โดยมีการร้องเรียนเข้ามาค่อนข้างบ่อยครั้ง ว่า สถานบันเทิงทั้ง 7 ร้านต่อไปนี้ คือ ร้านไดอาน่าคาราโอเกะ ร้านคานาน่า (ไก่โต้ง) พิงค์การ์เด้นท์ ชัวร์การ์เด้นท์ เจมส์การ์เด้นท์ เดอะบาร์โคนี่ ร้านไม้หมอนซีฟู้ด ส่งส่วยให้กับข้าราชการกังฉินในภูเก็ตไปรับส่วยจากสถานประกอบการ ด้วยการทำเป็นไปรู้ไม่เห็นปล่อยปละละเลยให้สถานบันเทิงที่ส่งส่วยเปิดให้บริการเกินเวลา คือ ปิดในเวลาที่พระออกบิณฑบาต โดยได้จ่ายเงินให้ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ผู้บัญการตำรวจภาค 8 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตเดือนละ 350,000 บาท จ่ายร้านละ 50,000 บาทต่อเดือน โดยเฉพาะร้านไก่โต้ง และร้านไดอาน่าคาราโอเกะสนิทสนมกับนายอำเภอเมืองภูเก็ตส่งส่วยให้เดือนละ 50,000 บาท
ผู้ว่าฯภูเก็ต กล่าวอีกว่า หากตนได้รับเงินจากสถานบันเทิงเดือนละ 50,000 บาท ทุกๆ เดือนและรวมทั้งข้าราชการอื่นๆ คงจะไม่ต้องมารับราชการแล้ว และยืนยันได้ว่า ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับเงินส่วยของสถานบันเทิงดังกล่าว และเชื่อว่า หนังสือร้องเรียนดังกล่าวเกิดจากความขัดแย้งการประกอบการของสถานบันเทิงมากกว่า เพราะการร้องเรียนในลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากที่ภูเก็ต และผู้ประกอบการเองก็ต้องพูดให้ชัดเจนว่าใครเป็นคนรับเงินจากสถาบันเทิง หากมีหลักฐานให้เอามาแจ้งกับตนได้เลย
แต่อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยปละให้สถานบันเทิงเปิดเกิดเวลาโดยการเรียกเก็บเงินตามที่ร้องเรียนเข้ามาหรือไม่
นอกจากนี้ ยังได้รับการร้องเรียนว่า มีปลัดอำเภอเมืองภูเก็ตคนหนึ่งใช้วาจาข่มขู่ผู้ประกอบการสถานบันเทิงในช่วงที่ออกตรวจ ซึ่งได้สั่งการให้นายอำเภอห้ามไม่ให้ปลัดอำเภอคนดังกล่าวออกตรวจสถาบันเทิงแล้ว เพราะไม่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่ให้บริการประชาชน การปฏิบัตงานจะต้องมีมาตรฐานปฏิบัติเหมือนกันทั้งหมดไม่ใช่ทำเพื่อความสะใจ
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์