ภูเก็ต, อบจ.ภูเก็ตทุ่มงบ 27 ล้านผุดโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ( ข่าวภูเก็ต )

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อบจ.หนุนงบฯ 27 ล้านบาท ผุดโรงงานแปรรูปขยะอินทรีย์เป็นปุ๋ย แห่งแรกในภูเก็ตช่วยลดปัญหาขยะล้นเมือง คาดสร้างรายได้1แสนบาทต่อเดือน

นายพิรียุตม์ วรรณพฤกษ์ ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิเพื่อการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน กล่าวถึงโครงการสร้างโรงงานแปรรูปขยะอินทรีย์เป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จำนวน 27 ล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาขยะล้นเมืองว่า ตามที่มูลนิธิเพื่อการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน ได้ศึกษาถึงปัญหาการจัดการขยะมูลฝอย ในจังหวัดภูเก็ตและพบว่าปัญหาหนึ่งที่สำคัญ คือ สัดส่วนของขยะอินทรีย์ ซึ่งมีมากกว่า50% ทำให้ไม่สามารถกำจัดขยะมูลฝอยโดยการใช้เตาเผาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มูลนิธิฯ จึงได้นำปัญหาดังกล่าวหารือร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งได้กำหนดนโยบายที่ร่วมมือกับท้องถิ่นต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ปรับปรุงการจัดการขยะมูลฝอย โดยให้ความสำคัญต่อการจัดการขยะอินทรีย์ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ก่อให้เกิดปัญหาด้านการจัดการขยะมูลฝอยและเห็นสมควร ให้มีการจัดทำโครงการโครงการสาธิตการแปรรูปขยะอินทรีย์เป็นปุ๋ยอินทรีย์เป็นโครงการ เพื่อตอบสนองนโยบายขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ที่จะสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในการใช้ประโยชน์ขยะอินทรีย์ เพื่อให้เกิดกระบวนการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยในลำดับต่อไป

นอกจากโครงการจะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ผลผลิตที่ได้จากโครงการสาธิตยังมีส่วนสนับสนุนการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ของจังหวัด เป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และตอบสนองนโยบายเกษตรอินทรีย์ของรัฐอีกด้วย

ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสาธิตการแปรรูปขยะอินทรีย์เป็นปุ๋ยอินทรีย์ในรูปแบบต่างๆ เช่น ปุ๋ยน้ำจุลินทรีย์ และปุ๋ยหมักอินทรีย์ เผยแพร่ความรู้ประสบการณ์ในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ให้กับเกษตรกรและประชาชนที่สนใจ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดและการคัดแยกขยะมูลฝอย เพื่อแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของจังหวัดภูเก็ต

สำหรับโครงการสร้างโรงงานแปรรูปขยะอินทรีย์ จัดสร้างขึ้นในพื้นที่ในพื้นที่ตำบลเทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นที่ดินขององค์การซึ่งขณะนี้การก่อสร้างดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยการดำเนินการนั้นมูลนิธิฯ รับผิดชอบในการดำเนินการออกแบบ ก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยผ่านการพิจารณาร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด นอกจากนั้นยังรับที่จะบริหารดำเนินการโครงการไม่น้อยกว่า 3 ปีหลังจากการก่อสร้าง โดยให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่จะตกลงกัน

โครงการสาธิตนี้จะเป็นศูนย์เรียนรู้ สถานที่ฝึกอบรม เกษตรกร เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและประชาชนทั่วไปที่สนใจในการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โดยเฉพาะจากขยะมูลฝอย นอกจากนั้นมูลนิธิฯจะพัฒนาผลผลิตด้านปุ๋ยอินทรีย์ให้เป็นที่ยอมรับ สามารถจำหน่ายได้โดยใช้ชื่อผลิตผลที่สะท้อนถึงการสนับสนุนขององค์การบริการส่วนจังหวัด เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ อบจ. เป็นต้น

นายพิรียุตม์ กล่าวต่อไปว่า โครงการนี้นอกจากจะแก้ไขปัญหาเรื่องของขยะแล้ว ยังสามารถสร้างรายได้จากการขายผลผลิตได้ด้วย รายได้จากการขายผลผลิตในรูปของปุ๋ยหมักซึ่งใช้ขยะอินทรีย์เป็นวัตถุดิบประมาณวันละ 3 ตันมีมูลค่าตันละ 1,000 บาท หรือเป็นเงิน 3,000 บาท ในรูปของปุ๋ยน้ำจุลินทรีย์เพื่อใช้ในการเกษตร ทำความสะอาดประมาณวันละ 200 ลิตรมีมูลค่าลิตรละ 5.บาท เป็นเงิน 1,000 บาท รวมรายได้จากผลผลิตประมาณวันละ 4,000.00 บาท หรือเท่ากับ 100,000 บาทต่อเดือน

ในช่วงปีแรกจะเป็นรายได้ของมูลนิธิฯ เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารดำเนินการ ค่าใช้จ่ายในการจัดทำเอกสารเผยแพร่ ค่าใช้จ่ายในการจัดอบรมและอื่นๆ นอกจากนั้นโครงการนนี้ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะของท้องถิ่นต่างๆในอัตราตันละ 200 บาท เป็นเงิน 80,000 บาท และสามารถลดค่าใช้จ่าย ในการกำจัดขยะโดยวิธีการเผาจริงในอัตราตันละ 800 บาท เป็นเงิน 240,000 บาท

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์