ภูเก็ต, จัดหางานภูเก็ตจับต่างชาติปลอมเอกสารขอใบอนุญาตทำงาน ( ข่าวภูเก็ต )
ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จัดหางานจังหวัดภูเก็ตแจ้งจับต่างชาติ ปลอมแปลงใบขออนุญาตทำงาน ที่แอบตัดตราวีซ่ามาทับซ้อน และถ่ายเอกสารซ้ำ ยื่นเรื่องให้จัดหางานจังหวัดออกใบอนุญาต ทั้งๆ ที่รองผู้ว่าฯลงนามไปแล้ว ต้องรีบเก็บกลับคืน
นายบุญโชค มณีโชติ จัดหางานจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่มีชาวต่างชาติได้มาขอยื่นออกใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย และมีการพบว่า เป็นการนำเอกสารปลอมมายื่นต่อเจ้าหน้าที่ว่า จัดหางานจังหวัดภูเก็ตได้รับคำขอรับใบอนุญาตทำงาน เลขที่ 2542/49 จากคนต่างด้าวชื่อนายเจอร์เรมี่ วายด์ เลาด์ อายุ 33 ปี สัญชาติอเมริกัน มีที่อยู่ในประเทศไทย เลขที่ 64/46 หมู่ที่ 1 ถนนเจ้าฟ้า ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้มายื่นเรื่องขออนุญาตทำงานในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป และเป็นผู้แนะนำวิธีถ่ายภาพให้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัดดีพิกซ์ อิมเมจิ้ง ตั้งอยู่เลขที่ 64/46 หมู่ที่ 1 ถนนเจ้าฟ้า ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต
ในการยื่นคำขออนุญาตทำงานดังกล่าว นายเจอร์เรมี่ วายด์ เลาด์ คนต่างด้าว ได้มอบอำนาจให้ นายณัฐศร เอียดขนาน ผู้จัดการสำนักงานภูเก็ต วีซ่าและการบัญชี ซึ่งตั้งอยู่ที่ 64/46 ถนนเจ้าฟ้า ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ดำเนินการแทน ตามหนังสือมอบอำนาจ ลงวันที่ 14 กันยายน 2549
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ผู้รับคำขอใบอนุญาตทำงานของ นายเจอร์เรมี่ วายด์ เลาด์ ซึ่งประกอบด้วย คำขอใบอนุญาตทำงาน แบบ ตท.2 พร้อมเอกสารที่ใช้ประกอบในการพิจารณาออกใบอนุญาตทำงานที่มีทั้งต้นฉบับจริง และถ่ายเอกสาร รวม 27 หน้า เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า การได้รับอนุญาตทำงานในราชอาณาจักร (วีซ่า) ของคนต่างด้าวจะหมดอายุวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2549 ซึ่งในการออกใบอนุญาตทำงานให้กับคนต่างด้าว จะออกได้เท่ากับระยะเวลาของวีซ่า
ในกรณีนี้ มีเวลาดำเนินการเพียง 3 วันทำการ ซึ่งไม่สามารถออกใบอนุญาตทำงานได้ทัน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตทำงานได้ทราบ ปรากฏว่า ผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตทำงานนำสำเนาเอกสารเพิ่มเติมอีก 1 ฉบับ ตามเอกสารหน้า 12 ในหนังสือเดินทางของคนต่างด้าว ซึ่งได้ขยายระยะเวลาวีซ่าไปจนถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2549 เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วเห็นว่าถูกต้องครบถ้วน จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอน พร้อมนำเสนอจัดหางานจังหวัดภูเก็ต เพื่อพิจารณาในเอกสาร และลงนามหนังสือนำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อพิจารณาลงนามในใบอนุญาตทำงาน และทะเบียนใบอนุญาตทำงาน
รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ปฎิบัติราชการแทน ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ลงนามในใบอนุญาตทำงาน และทะเบียนใบอนุญาตทำงาน เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2549
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น นายเจอร์เรมี่ วายด์ เลาด์ ได้เดินทางมารับใบอนุญาตทำงาน ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต ซึ่งในการมอบใบอนุญาตทำงานให้กับคนต่างด้าวนั้น ทางสำนักงานได้กำหนดการปฏิบัติไว้ว่า คนต่างด้าวจะต้องเดินทางมารับใบอนุญาตทำงานด้วยตนเอง พร้อมนำหนังสือเดินทางมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารฉบับจริง กับเอกสารที่ถ่ายสำเนามายื่นขอใบอนุญาต
ภายหลังจากการตรวจสอบเอกสาร พบว่า ในหนังสือเดินทาง หน้า 12 ปรากฏเฉพาะวีซ่า วันที่ 27 มิถุนายน 2549 หมดอายุวันที่ 24 กันยายน 2549 และประทับตราการเดินทางออกนอกประเทศ วันที่ 15 กันยายน 2549 เท่านั้น ไม่ปรากฏวีซ่า ลงวันที่ 5 กันยายน 2549 หมดอายุวันที่ 3 ธันวาคม 2549 แต่อย่างใด จึงได้ระงับการมอบใบอนุญาตการทำงานดังกล่าวไว้ก่อน พร้อมทั้งนำรายละเอียดไปหารือ พ.ต.ท.ศุภกิจ ศรีจำลอง สารวัตรด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อทำการตรวจสอบ และได้รับการชี้แจงว่า วีซ่าลงวันที่ 5 กันยายน 2549 หมดอายุ วันที่ 3 ธันวาคม 2549 ว่าน่าจะเป็นการตัดตราวีซ่ามาทับซ้อนและถ่ายเอกสารซ้ำ ซึ่งเป็นการปลอมวีซ่านั่นเอง
ทั้งนี้ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดทางอาญา และผู้ลงนามในใบอนุญาตทำงานคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมการจัดหางาน เป็นผู้ลงนามในใบอนุญาตทำงาน จึงได้นำรายละเอียดเรียนชี้แจง นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ โดยได้สั่งการให้จัดหางานจังหวัดภูเก็ตดำเนินการตามความผิดทางอาญา
นอกจากนี้ มอบหมายให้จัดหางานจังหวัดร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำผิด ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ปลอมแปลงเอกสารของทางราชการที่ทำให้เกิดสิทธิ และการใช้เอกสารปลอม ตามหนังสือที่ ภก 0023/14211 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2549 เลขที่คดี 2007/49 ลงวันที่ 19 ตุลาคม เวลา 15.00 น.โดยมี พ.ต.ท.นนน พิทักษ์กุลธร เป็นพนักงานสอบสวนเวร
สำหรับการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ จังหวัดได้กำชับให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต เข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบเอกสาร และกำหนดการปฏิบัติให้ชัดเจน คนต่างด้าวจะต้องให้ความสำคัญกับการขอใบอนุญาตทำงาน และรับผิดชอบในการมอบอำนาจให้คนอื่นทำการแทน หากพบการกระทำผิดเกิดขึ้นอีก ก็จะแจ้งความดำเนินคดีเช่นนี้อีก ผลคดีเป็นประการใดจะได้นำเรียนเพื่อทราบต่อไป และหลังจากนี้ จะเรียกบริษัทกฎหมายที่รับดำเนินการเรื่องเอกสารมาประชุมกับทางจังหวัด เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์