แหล่งรวม ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และ ข้อมูล การท่องเที่ยว ในแถบ อันดามัน
อบต.ราไวย์ ยืนยันโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์-สร้างทางเท้า หาดราไวย์ ไม่ทำลายต้นสนอายุกว่า 30 ปี ตามที่มีการร้องเรียน หลังอธิบดีกรมทรัพยากรธรรมชาติฯสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง
จากกรณีที่ประชาชนชาวราไวย์ ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ตรวจสอบและสั่งระงับโครงการพัฒนาสวนสาธารณะและสร้างทางเท้าริมหาดราไวย์ ของ อบต.ราไวย์ ซึ่งผู้ร้องอ้างว่าการดำเนินโครงการส่งผลกระทบต่อต้นสนอายุกว่า 30 ปี จำนวน 100 ต้น เนื่องจาก อบต.ได้สร้างกำแพงลึกประมาณ 1 เมตร ลงไปในดิน รวมทั้งมีการขุดดินและตัดรากต้นสน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ รักษาการอธิบดีกรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน ไปทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงของการดำเนินโครงการ ว่าเป็นไปตามที่มีการร้องเรียนหรือไม่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายอรุณ โสฬส นายกองค์การบริหารส่วนตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดราไวย์ และการสร้างทางเท้าบริเวณหาดราไวย์ นั้นเป็นโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ชายหาด หลังจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิถล่ม โดยใช้งบประมาณจำนวน 11 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับปรับปรุงภูมิทัศน์ชายหาด สร้างทางเท้า และจัดระเบียบบริเวณชายหาดราไวย์ให้มีความสวยงาม และคืนชายหาดกลับให้กับชาวราไวย์ และนักท่องเที่ยว เนื่องจากชายหาดราไวย์นั้นเป็นชายหาดที่มีชื่อเสียในอดีต
แต่ปัจจุบันชายหาดราไวย์กลับเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบทั้งในเรื่องของร้านค้า และที่จอดรถเพื่อให้มีความเป็นระเบียบและสวยงาม ซึ่งหลังจากมีการจัดระเบียบและทางเท้าแล้วร้านค้าทางที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าชายหาดจะต้องย้ายไปอยู่อีกฝั่งถนน
ส่วนปัญหาที่มีการร้องเรียนเรื่องของการทำลายต้นสน บริเวณชายหาดระยะทางประมาณ 200 เมตร ไปยังรักษาการอธิบดีกรมทรัพยากรธรรมชาติ เชื่อว่า น่าจะเป็นการร้องเรียนของคนที่เสียผลประโยชน์ และการดำเนินการทำทางเท้า มีการขุดทำกำแพงลงไปในดินจริง แต่ไม่ได้ไปปิดกั้นทางเดินของรากต้นสน เพราะยังมีพื้นที่อีก 3 ทิศ ที่ให้รายของต้นสนเลื้อยไปหาอาหารได้ และการทำเขื่อนกั้น เพื่อไม่ให้ต้นสนล้ม เนื่องจากถูกน้ำกัดเซาะ
รวมทั้งเป็นการป้องกันไม่ให้ทางเท้าที่จะสร้างยกระดับขึ้นมา 20 เซนติเมตร ถูกน้ำกัดเซาะเสียหายด้วย และการขุดลงไปในดินนั้นขุดลงไปประมาณ 1 เมตร และอยู่ห่างจากโคนต้นสนประมาณ 1 เมตร สำหรับการดำเนินการปรับภูมิทัศน์ชายหาด วัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความสวยงามและเป็นประโยชน์กับประชาชนและนักท่องเที่ยวมากที่สุด ไม่มีใครต้องการที่จะไปทำลายต้นสนที่มีอยู่
นายอรุณ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยพัฒนาและทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน จ.ภูเก็ต ลงพื้นที่มาตรวจสอบตามที่ได้รับคำสั่งจากทางรักษาการอธิบดีกรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลแล้วเกือบ 2 อาทิตย์แล้ว และจากการสอบถามได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ที่ลงมาตรวจสอบการการทำโครงการดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อต้นสนตามที่มีการร้องเรียนไป
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์
English
