จังหวัดภูเก็ตยืนยันไม่ยืดเวลาขึ้นทะเบียนธุรกิจดำน้ำ เผยล่าสุดมีเพียง 1 ราย ที่มาจดทะเบียน ลั่นครบ 30 ก.ย.ตรวจพบไม่มีใบอนุญาตดำเนินการตามกฎหมายที่เข้มงวด
วันนี้ (15 ก.ย)นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ ปลัดจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการออกประกาศให้ผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ และเกี่ยวข้องกับธุรกิจดำน้ำขึ้นทะเบียน เพื่อกำหนดห้ามการประกอบกิจกรรมที่เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ บริเวณทะเลจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2549 โดยให้ผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำมาขึ้นทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1-30 ก.ย.2549 ว่า จนถึงขณะนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำมาขึ้นทะเบียนเพียง 1 รายเท่านั้น จากผู้ประกอบการทั้งหมดกว่า 100 ราย
ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการบางส่วนได้ยื่นหนังสือมาถึงจังหวัด เพื่อขอให้ขยายเวลาในการแจ้งขึ้นทะเบียน ซึ่งเรื่องนี้ได้นำหารือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว สรุปว่า จะไม่มีการขยายเวลาแน่นอน
ส่วนเรื่องของความกังวลของผู้ประกอบการเกี่ยวกับรายละเอียดในบางจุดของประกาศ ที่มองว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องมีการหารือกันอีกครั้ง หลังจากที่บริษัทมาขึ้นทะเบียนแล้ว เพราะตอนนี้ประกาศที่ออกมานั้นเป็นภาพกว้างๆ การขึ้นทะเบียนในครั้งนี้ ก็ให้เป็นในลักษณะของการให้ข้อมูลเบื้องต้นก่อน
นายนิวิทย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับบริษัทที่ไม่ขึ้นทะเบียนตามเวลาที่กำหนด จะต้องเสียโอกาสแน่นอน เพราะหลังจากวันที่ 30 ก.ย.2549 ไปแล้ว จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าตรวจสอบบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการดำน้ำ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้อย่างเข้มงวด เช่น เรื่องของการใช้แรงงานต่างด้าว การจดทะเบียนบริษัท การเสียภาษี
ด้านนายสุรินทร์ ธีรกุลพิศุทธิ์ หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวว่า การออกประกาศดังกล่าว เพื่อจัดระเบียบผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาการดำเนินการธุรกิจดำน้ำ มีทั้งที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยบริษัทดำน้ำประมาณ 80% ของชาวต่างชาติ การขึ้นทะเบียนบริษัทดำน้ำ จะทำให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งจะแก้ปัญหาการกีดกันแรงงานคนไทย และแก้ปัญหาการหลีกเลี่ยงภาษีได้ นอกจากนั้น ยังมีปัญหาเรื่องของการเสียค่าสิทธิบัตร สำหรับนักดำน้ำให้กับต่างประเทศ ซึ่งในแต่ละปีทำให้รายได้ของไทยไหลออกนอกประเทศจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า หลังจากที่มีการจัดระเบียบการประกอบกิจกรรมดำน้ำแล้ว จะทำให้มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น ลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ รัฐสามารถติดตามการตรวจสอบการประกอบธุรกิจของต่างชาติ เพื่อไม่ให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ และนักดำน้ำของไทยได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ และลดการกีดกันทางด้านอาชีพ
?ขณะนี้มีเพียง 1 รายเท่านั้นที่มาขึ้นทะเบียน ส่วนบริษัทอื่นๆ นั้น ยังมีความกลัวอยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วการทำธุรกิจอย่างเปิดเผยไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เพราะข้อมูลส่วนใหญ่ที่รัฐต้องการให้แจ้ง เป็นข้อมูลที่สามารถเปิดเผยได้ และหลังวันที่ 30 ก.ย.ก็จะมีการตรวจสอบตามกฎหมาย ส่วนบริษัทที่มายื่นจดทะเบียนตามระยะเวลาที่กำหนด ถ้ารายใดยังทำไม่ถูกต้องก็จะยืดเวลาให้เพื่อให้ดำเนินการให้ถูกต้องต่อไป?
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์