ผู้ประกอบการดำน้ำภูเก็ตมั่นใจไฮชีชั่นนี้ ยุโรป-สแกนดิเนเวียหวนกลับดำน้ำที่สิมิลัน สุรินทร์และพีพีแน่นอน เผยบุ๊กกิ้งแล้ว 30% เข้าเดือนละไม่ต่ำกว่า 10,000 คน ตั้งแต่พ.ย.ถึง เม.ย.นี้ ทำรายได้เข้าภูเก็ตหลายร้อยล้านบาท
นางภักดี ครุทานัง ประธานชมรมผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำภูเก็ต เปิดเผย ?ผู้จัดการรายวัน? ถึงสถานการณ์ธุรกิจดำน้ำในพื้นที่ภูเก็ตช่วงไฮชีชั่นที่จะถึงนี้ว่า ทางผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำในภูเก็ต คาดหวังว่าในช่วงไฮชีชั่นปลายปีนี้ ธุรกิจดำน้ำจะกลับมาบูมเหมือนช่วงก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สึนามิ ซึ่งการเดินทางมาดำน้ำจะมีการจองทัวร์เข้ามาข้ามปี โดยขณะนี้มีการจองทัวร์เข้ามาแล้ว 20-30% เป็นกลุ่มที่เดินทางมาดำน้ำอยางแน่นอน
โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาดำน้ำในพื้นที่ภูเก็ต พังงา และกระบี่ เป็นกลุ่มหลักมาจากสแกนดิเนเวีย ยุโรป รัสเชีย เยอรมนี เป็นต้น ซึ่งจะเริ่มเดินทางเข้ามาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนเมษายนและจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปดำน้ำมากที่สุดคือ หมู่เกาะสุรินทร์ เกาะพีพี ส่วนนักท่องเที่ยวที่ดำน้ำมืออาชีพจะนิยมไปดำน้ำที่เกาะสุรินทร์
นางภักดี กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีบริษัทดำน้ำที่ใช้บริการแบบครบวงจรและมีเรือให้บริการค้างคืนที่จุดดำประมาณ 20-30 รายและเรือที่ให้บริการที่เป็นเรือมาตรฐานที่ให้บริการดำน้ำที่เกาะสิมิลันมีประมาณ 20 ลำ ส่วนที่ไปเกาะพีพีมีอยู่ 10-15 ลำ ซึ่งแต่และบริษัทจะมีนักท่องเที่ยวใช้บริการวันละ 500 คน ซึ่งรายได้ที่เกิดจากธุรกิจท่องเที่ยวนั้นอยู่ที่วันละ 2,000-4,500 บาท ขึ้นอยู่กับมาตรฐานของเรือดำน้ำที่ให้บริการ
นางภักดี กล่าวถึงประกาศจังหวัดภูเก็ตที่ออกมาควบคุมธุรกิจดำน้ำให้ปฏิบัตตามกรอบที่ทางจังหวัดสามารถควบคุมได้ว่า ประกาศที่ออกมาเป็นการเพิ่มงานให้กับผู้ประกอบการ เพราะมีรายละเอียดที่หยุมหยิมมาก ที่ทางบริษัทจะต้องนำส่งทางจังหวัด ซึ่งขณะนี้เท่าที่ทราบผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำในภูเก็ตยังไม่ได้ไปรายงานตัวกับทางจังหวัดเลย เพราะหากไปรายงานตัวก็เท่ากับยอมรับประกาศของจังหวัด ทางผู้ประกอบการต้องการที่จะให้ทางจังหวัดแก้ไขประกาศดังกล่าวให้ผู้ประกอบการสะดวกในการทำงานมากกว่านี้
ขณะที่นายประเสริฐ บ้านเมือง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูเก็ตโอเซี่ยนไดร์เวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งเป็นกลุ่มเดิมที่เคยเดินทางมาดำน้ำในพื้นที่ภูเก็ต พังงา และกระบี่ บุ๊กกิ้งการเดินทางมาดำน้ำเข้ามาบ้างแล้ว แต่เป็นจำนวนที่ไม่มากนัก อย่างกรณีของบริษัทที่จองเข้ามาตอนนี้มีเพียง 30% เท่านั้น และจากการที่ได้สอบถามกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ก็มีการจองเข้ามาอยู่ที่ประมาณ 30-40% เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าเมื่อใกล้ถึงช่วงปลายปีนักท่องเที่ยวจองทัวร์ดำน้ำเข้ามามากกว่านี้
โดยนักท่องเที่ยวที่จองเข้ามาแล้วจะเป็นกลุ่มยุโรป ออสเตรีย ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งจะเดินทางเข้ามาประมาณเดือน พ.ย.ถึงเดือน ก.พ.ซึ่งเป็นช่วงไฮชีชั่นของการดำน้ำ ซึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวต้องการไปดำน้ำจะเป็นหมู่เกาะสิมิลัน พีพี และสุรินทร์
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์