ชาวประมงพื้นบ้านเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านท่าฉัตรไชย ร้องรองผู้ว่าฯภูเก็ต หลัง ?อบต.ไม้ขาว? นำงบประมาณที่ประมงสนับสนุนสร้างศาลาอเนกประสงค์ในชุมชนไปสร้างในป่าชายเลนแทนอ้างสร้างในชุมชนบดบังทัศนียภาพ
วันนี้ (12 ก.ย.) นายนพพร หงษ์สา อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.5 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ประธานกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านท่าฉัตรไชย พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านจำนวนหนึ่ง เข้าพบนายพงษ์ศักดิ์ พลายเวช รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอความเป็นธรรมเรื่องของการสร้างศาลาอเนกประสงค์เพื่อชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันในชุมชนในการประกอบอาชีพของชาวประมงในพื้นที่ แต่โครงการก่อสร้างดังกล่าวไม่เป็นไปตามความต้องการของชาวบ้าน เนื่องจากทาง อบต.จะนำไปสร้างในพื้นที่ป่าชายเลนซึ่งไกลจากชุมชน
นายนพพร กล่าวภายหลังยื่นหนังสือต่อรองผู้ว่าราชการจังหวัดว่า โครงการนี้ชาวบ้านได้ร่วมกันของบประมาณในการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์จากกรมประมงจำนวน 1 ล้านกว่าบาท เพื่อใช้เป็นอาคารสำหรับการเรียนรู้ การแปรรูปสัตว์น้ำ และอื่นๆ ซึ่งทางประมงได้อนุมัติงบประมาณดังกล่าวมาแล้วโดยเป็นการอนุมัติงบประมาณผ่านทาง อบต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
สำหรับความต้องการของชาวบ้านนั้น ต้องการที่จะให้สร้างอาคารอเนกประสงค์ดังกล่าวใกล้กับชุมชนฝั่งสะพานสารสินเก่า ซึ่งจุดนั้นมีชาวบ้านที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านเพื่อการท่องเที่ยวอาศัยอยู่ แต่เมื่อได้งบดำเนินการมาแล้วทาง อบต.ไม้ขาวได้เขียนแบบแปลนเละเลือกสถานที่ก่อสร้างเองโดยไม่ได้สอบถามความคิดเห็นของชาวบ้านที่ยื่นเรื่องไป ซึ่งจะทำการก่อสร้างอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับป่าชายเลนและอยู่อีกฝั่งถนนซึ่งห่างไกลจากชุมชนเป็นอย่างมาก ชาวบ้านจึงได้มายื่นหนังสือในครั้งนี้เพื่อให้ทางจังหวัดเข้าไปช่วยเหลือ
นายนพพร กล่าวต่อว่า สำหรับการก่อสร้างอาคารในครั้งทาง อบต.บอกว่าดำเนินการคืบหน้าไปมากแล้ว ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนสถานที่ได้และสาเหตุที่ไม่สร้างในพื้นที่ที่ชาวบ้านต้องการก็เนื่องจากอาคารดังกล่าวจะไปบดบังทัศนียภาพของชุมชน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชาวบ้านรับไม่ได้ เพราะการไปก่อสร้างในพื้นที่ที่อยู่ใกล้ป่าชายเลนนั้นห่างไกลชุมชนไม่สามารถที่จะนำสินค้าทางการเกษตรของชาวบ้านที่ผลิตออกมาแล้วนำไปวางจำหน่ายได้ แต่ถ้ามีการก่อสร้างในชุมชนสินค้าต่างๆของชาวบ้านก็สามารถที่จะนำมาวางจำหน่ายได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านอีกทางหนึ่งด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม หากการก่อสร้างอาคารดังกล่าวไม่สามารถย้ายมาอยู่ในสถานที่ที่ชาวบ้านต้องการได้ก็จะไม่ยอมรับโครงการดังกล่าวและไม่เซ็นชื่อร่วมขอโครงการด้วย ปล่อยให้งบประมาณตกไป และการรวมกลุ่มของชาวบ้านเพื่อทำงานให้กับสังคมก็จะยกเลิกด้วยเพราะการตัดสินใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้สอบถามความต้องการของชาวบ้านเลย
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์