?ดีเอสไอ? ลุยตรวจที่ดินเกาะยาว จังหวัดพังงา ออกเอกสารสิทธิไม่ชอบกว่า 50 แปลง นายทุนต่างชาติกว้านซื้อ เร่งสอบปากคำพยานให้เสร็จโดยเร็ว
วันนี้ (4 ก.ย) เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประมาณ 40 นายลงพื้นที่ อ.เกาะยาว จ.พังงา เพื่อสอบปากคำพยานบุคคลหลังมีการแจ้งความร้องทุกข์กรณีการออกเอกสารสิทธิที่ในพื้นที่อาจจะออกโดยไม่ชอบซึ่งขณะนี้มีการเปลี่ยนมือที่ดินไปอยู่ในมือชาวต่างชาติแล้วบางส่วน
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวถึงการนำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงพื้นที่ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินในครั้งนี้ว่า หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับการร้องเรียนและมีการแจ้งความร้องทุกข์เกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่อำเภอเกาะยาว จ.พังงา 52 แปลง ซึ่งสงสัยว่าการออกเอกสารสิทธิดังกล่าวอาจจะออกไม่ถูกต้อง ซึ่งทางที่ดินอำเภอได้เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว
สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินและสอบปากคำพยานในพื้นที่นั้นจะใช้เวลาในการตรวจสอบ 2 สัปดาห์ ซึ่งมีพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องจะต้องสอบปากคำจำนวนประมาณ 60-70 คน ซึ่งมีทั้งที่เป็นเจ้าของที่ดินเก่าและเจ้าหน้าที่ และผู้ที่ซื้อที่ดินรายใหม่
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบทางกายภาพพบว่า ขณะนี้มีที่ดินประมาณครึ่งหนึ่งที่สงสัยว่าจะออกเอกสารสิทธิไม่ถูกต้อง เพราะอยู่บนภูเขาสูงและสภาพป่าดงดิบยังคงมีสภาพพื้นที่เดิมทั้งหมด ซึ่งจากการดูภาพถ่ายทางอากาศพบว่าที่ดินดังกล่าวไม่มีการทำประโยชน์ ส่วนบางส่วนที่ทำประโยชน์ก็จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดและตรวจสอบการออกเอกสารทั้งหมด
ขณะที่ นายอนุพงษ์ อาสาราษฎร์ ส.อบจ.เกาะยาว จ.พังงา กล่าวถึงการเข้าไปตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินในพื้นที่เกาะยาว จ.พังงา ของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่า ปัญหาเรื่องของที่ดินในพื้นที่เกาะยาวนั้นเป็นปัญหาที่มีมานานและชาวบ้านในพื้นที่เองมองว่าการออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวอาจจะไม่ถูกต้องเพราะมีการออกเอกสารสิทธิทับที่ดินสาธารณะและป่าไม้ จึงได้มีการร้องเรียนเพื่อให้มีการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิดังกล่าว โดยขณะนี้ที่ดินในพื้นที่อำเภอเกาะยาวได้มีการเปลี่ยนมือจากชาวบ้านไปเป็นของนายทุนและชาวต่างชาติแล้วส่วนใหญ่โดยเฉพาะที่ดินที่บริเวณชายหาดและซีวิว ที่มีการซื้อขายกันสูงและเชื่อว่าอาจจะมีการออกเอกสารสิทธิไม่ถูกต้อง
นายอนุพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการซื้อขายที่ดินในพื้นที่เกาะยาว ขณะนี้มีราคาสูงถึงไร่ละ 2 ล้านบาท เดิมนายทุนเข้าไปกว้านซื้อที่ดินจากประชาชนราคาไร่ละ 2-3 แสนเท่านั้น ส่วนเรื่องของการร้องเรียนนั้นชาวบ้านต้องการที่จะให้มีการตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงเพื่อที่จะคืนที่ดินสาธารณะและป่าไม้ให้กลับเข้าเป็นที่ดินของรัฐต่อไปไม่ใช่ไปตกอยู่ในมือของนายทุนหรือชาวต่างชาติ
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์