ภูเก็ต, สรุปรูปแบบลงทุน ?อ่าวภูเก็ต?- ให้เอกชนลงทุนทั้งหมด ( ข่าวภูเก็ต )

จังหวัดภูเก็ตได้ข้อสรุป รูปแบบการลงทุนโครงการอ่าวภูเก็ต เสนอ ?สุวัจน์ ลิปตพัลลภ? แล้ว ให้เทศบาลนครภูเก็ตเป็นเจ้าของพื้นที่ เสนอ ครม.ให้เอกชนเข้ามาลงทุน พัฒนาตามแบบที่กรมโยธาธิการศึกษาไว้ 63,000 ล้านบาท ที่เน้นกิจกรรมหลักเป็นเกาะ MICE และเกาะ MARINA

นายอุดมศักดิ์ อัศวรางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กับโครงการพัฒนาอ่าวภูเก็ต ประกอบด้วย ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 17 นายนที เปรมรัศมี เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และส่วนราชการในพื้นที่ภูเก็ต ร่วมหารือพิจารณาการใช้ที่ดินบริเวณอ่าวภูเก็ต รวมถึงกระบวนการส่งมอบพื้นที่ให้ภาคเอกชนเข้าดำเนินการ การจัดตั้งองค์การการบริหารโครงการ และการคัดเลือกกิจกรรม ที่จะเกิดขึ้นในโครงการพัฒนาอ่าวภูเก็ต

ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาประชุมคณะกรรมการโครงการพัฒนาอ่าวภูเก็ต วันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาอ่าวภูเก็ต ที่ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการในการประชุมคณะกรรมการโครงการพัฒนาอ่าวภูเก็ต เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ในการประชุมครั้งนั้น นายสุวัจน์ ได้มอบหมายให้ผู้ตรวจราชการเขตที่ 17 ไปศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง มอบหมายให้สภาพัฒน์ไปศึกษารูปแบบการลงทุน และมอบให้จังหวัดภูเก็ต ศึกษาถึงกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในโครงการพัฒนาอ่าวภูเก็ต ซึ่งภายหลังจากที่คณะกรรมการพัฒนาอ่าวภูเก็ตเห็นชอบแล้ว จะนำเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับการพิจารณาการใช้ที่ดินบริเวณอ่าวภูเก็ต รวมถึงขั้นตอนการส่งมอบพื้นที่ ให้ภาคเอกชนเข้าดำเนินการนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบให้เทศบาลนครภูเก็ต เป็นเจ้าภาพในการที่จะดำเนินการขอกระทรวงมหาดไทย เพื่อหาประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ในลักษณะของการให้เอกชนเข้ามาลงทุน

ขณะที่ สภาพัฒน์ เห็นว่า ควรที่จะให้บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ เป็นเจ้าของที่ดิน เพราะมีความเป็นมืออาชีพ มากกว่าเทศบาลนครภูเก็ต และเป็นหน่วยงานของรัฐ แต่ที่ประชุมเห็นว่า เทศบาลเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีที่ดินต่อเนื่องกับโครงการพัฒนาอ่าวภูเก็ต ซึ่งการที่จะนำที่ดินให้เอกชนมาลงทุน เทศบาลนครภูเก็ตจะต้องขอนำที่ดินดังกล่าวมาหาประโยชน์ต่อกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้เอกชนเช่าในเชิงพาณิชย์หรือให้สัมปทานต่อไป

ส่วนรูปแบบการบริหารจัดการโครงการ ได้มีการนำเสนอรูปแบบการบริหารจัดการ และการลงทุนไว้ทั้งหมด 4 รูปแบบ คือ รูปแบบแรก ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบต.รัษฎา วิชิต เทศบาลนครภูเก็ต ร่วมกันดำเนินการในลักษณะของสหการ ด้วยการตั้งสำนักงานบริหารโครงการคณะกรรมการบริหารโครงการ ขึ้นมาประกาศเชิญชวนให้เอกชนเข้ามาลงทุนในโครงการ โดยดำเนินการตามขั้นตอน พ.ร.บ.ให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ

รูปแบบที่ 2 ให้เอกชนเป็นคนลงทุนทั้งหมดตั้งแต่ต้น โดยเมื่อ ครม.อนุมัติให้ใช้ที่ดินแล้ว ให้เจ้าของโครงการ คือ เทศบาลนครภูเก็ต ให้เอกชนดำเนินการเช่าที่ดิน หรือให้สัมปทาน 30 ปี 50 ปี หรือ 90 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด หลังจากนั้น ให้เอกชนเข้าพัฒนาอ่าวภูเก็ต ตามที่กำหนดไว้ใน TOR ซึ่งเจ้าของพื้นที่ และรัฐจะได้ประโยชน์ในรูปแบบของค่าเช่า ค่าสัมปทาน ภาษีโรงเรือน และรายได้อื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด

รูปแบบที่ 3 เอกชนดำเนินการร่วมกับท้องถิ่นในพื้นที่ดำเนินโครงการ โดยให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนกับท้องถิ่นตามขั้นตอน พ.ร.บ.ร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ซึ่งจะแบ่งผลประโยชน์ กำไร ขาดทุน ตามสัดส่วนของทุน และรูปแบบสุดท้าย ซึ่งเป็นรูปแบบที่ทางสภาพพัฒน์เป็นผู้เสนอ โดยให้องค์กรพัฒนาโครงการขึ้นมา ซึ่งในองค์กรนี้จะประกอบด้วย กรมธนารักษ์ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ ท้องถิ่น เอกชนผู้ลงทุน สถาบันการเงิน ร่วมกันลงทุนทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม รูปแบบที่จังหวัดภูเก็ตต้องการ เป็นรูปแบบแรก ที่ให้เอกชนเข้ามาลงทุนทั้งหมด โดยหน่วยงานของรัฐ ทำหน้าที่ในการให้การสนับสนุน และผ่อนปรนกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอ่าวภูเก็ต เพราะโครงการดังกล่าวต้องใช้งบประมาณในการลงทุนสูงมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท ตามแบบที่กรมโยธาฯได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาไว้

สำหรับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในโครงการพัฒนาอ่าวภูเก็ต จะยึดตามผลการศึกษาของกรมโยธาธิการ คือ การพัฒนาเป็นเกาะ MICE และเกาะ MARINA ที่มีกิจกรรมด้านโรงแรม ศูนย์ประชุมแสดงสินค้า ศูนย์ชอปปิ้ง ท่าเรือรองรับเรือยอชต์ ป็นต้น โดยจะมีการนำผลการศึกษาของกรมโยธาฯมาปรับปรุงใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน เพราะผลการศึกษาของกรมโยธาฯ ได้ข้อสรุปแล้วว่าโครงการพัฒนาอ่าวภูเก็ต มีความเป็นไปได้ทั้งในด้านวิศวกรรมและด้านเศรษฐศาสตร์

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์