นักลงทุนฮ่องกง-สิงคโปร์สนใจลงทุนรถไฟฟ้าที่ภูเก็ต ขอเวลาศึกษาข้อมูล 3 เดือนก่อนตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่และลงทุนในรูปแบบใด ด้านจังหวัดตอบรับนำเสนอข้อมูลผลการศึกษามีเส้นทางเร่งด่วน 3 เส้นทางจากสนามบิน-ห้าแยกฉลอง เส้นทางป่าตอง-เมืองภูเก็ต และสามแยกบางคู-ห้าแยกฉลอง ใช้เงินลงทุนประมาณ 12,000 ล้านบาท
นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดภูเก็ต สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ สภาอุตสาหกรรม โยธิการและผังเมืองภูเก็ต แขวงการทางภูเก็ต องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมประชุมหารือกับ ดร.Allina Salim กรรมการผู้จัดการ กองทุน Jade Trust Fund International เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารอบเกาะภูเก็ต ณ.ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
ทั้งนี้ เนื่องจากทางกองทุน Jade Trust Fund International ซึ่งเป็นกองทุนที่จดทะเบียนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่บริหารกองทุนโดยนักลงทุนในประเทศฮ่องกงและประเทศสิงคโปร์ มีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนรถไฟฟ้าที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งการมาประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดภูเก็ตครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะมารับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างรถไฟฟ้ารอบเกาะภูเก็ต
ก่อนหน้านี้ ทางจังหวัดภูเก็ตได้ใช้งบผู้ว่าฯซีอีโอ จ้างทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีทำการศึกษาโครงการความเป็นไปได้ในการก่อสร้างรถไฟฟ้ารอบเกาะภูเก็ต ซึ่งผลการศึกษาสรุปว่าเส้นทางเร่งด่วนที่จะต้องลงทุนก่อนมี 3 เส้นทางหลักด้วยกัน คือ เส้นทางสนามบินภูเก็ต-ห้าแยกฉอลง ระยะทาง 41.40 กิโลเมตร พัฒนาเป็นรถไฟฟ้าระบบล้อยางแบบระดับดิน โดยมีระบบการควบคุมการจัดการที่ทางแยก 2 ระบบ คือ ทางเลือกที่เป็นระบบปิดโดยการจัดช่องจราจรเฉพาะให้กับรถไฟฟ้า และทางเลือกที่เป็นระบบเปิดคือใช้ร่วมกับรถชนิดอื่นๆ โดยเส้นทางนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 7 พันล้านบาท มีผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ 78,720 ล้านบาท
เส้นทางที่สอง ป่าตอง-อ.เมืองภูเก็ต เพื่อที่จะมาต่อกับเส้นทางสนามบิน-ฉลองในการขนนักท่องเที่ยวต่อไปยังหาดป่าตอง พัฒนาเป็นรถไฟฟ้าระบบล้อยางแบบระดับดินเหมือนเส้นทางแรก ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 2,844 ล้านบาท และมีผลต่อแทนทางเศรษฐศาสตร์ 32,640 ล้านบาท
และเส้นทางที่ 3 สามแยกบางคู-ห้าแยกฉลอง โดยเส้นทางนี้จะเข้ามาในตัวเมืองภูเก็ตแล้วไปบรรจบกับเส้นทางหลักที่ห้าแยกฉลอง ซึ่งจะใช้รถไฟฟ้าระบบล้อยางเหมือนกับเส้นทางที่หนึ่งและเส้นทางที่ 2 ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 2,908 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากมีการพัฒนารถไฟฟ้าทั้งสามเส้นทางพร้อมๆกัน จะใช้งบประมาณในการลงทุนทั้งสิ้น 12,816 ล้านบาท และมีผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ 181,405 ล้านบาท
การศึกษาความเป็นไปได้ที่จะให้มีรถไฟฟ้าเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตก็เพื่อที่จะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดทุกปีและประชาชนชาวภูเก็ต รวมถึงการแก้ปัญหาการจราจรของภูเก็ต ที่ในปัจจุบันต้องประสบปัญหารถติดมากในชั่วโมงเร่งด่วนไม่แพ้เมืองอื่นๆ จากปัญหาถนนที่มีอยู่ค่อนข้างคับแคบ แต่ปริมาณรถยนต์และรถจักรยานต์กลับเพิ่มสูงขึ้นทุกๆปี
นายวิชัย ไพรสงบอ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางจังหวัดภูเก็ตยินดีที่จะให้นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวเข้ามาลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารอบเกาะภูเก็ต ตามที่ทางจังหวัดภูเก็ตได้เคยศึกษาไปแล้ว เพื่อเป็นการรองรับการขนส่งนักท่องเที่ยวในภูเก็ตที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปีและแก้ปัญหาการจราจรด้วย ซึ่งทางจังหวัดพร้อมที่จะผลักดันให้โครงการนี้เกิดขึ้น
ขณะที่ภาคเอกชนก็เห็นด้วยที่จะให้มีรถไฟฟ้าเกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต แต่จะต้องให้มีความสะดวกในการใช้บริการของนักท่องเที่ยว และสามารถเข้าถึงแหล่งที่พักของนักท่องเที่ยวได้ ถึงจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ใช้บริการได้มาก เพราะภูเก็ตมีระบบการขนส่งนักท่องเที่ยวจากสนามบินไปถึงโรงแรมที่พักในขณะนี้หากเป็นรถแท็กซี่ หรือรถลีมูซีนก็จะอยู่ที่ 800-900 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ไม่สูงมากนัก นักท่องเที่ยวสามารถจ่ายได้ ซึ่งแตกต่างจากฮ่องกงที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้รถไฟฟ้าไปสนามบิน เพราะราคาค่ารถแท็กซี่สูงมากไป-กลับตกประมาณ 4-5 พันบาท และรถไฟฟ้าในฮ่องกงมีความสะดวกและรวดเร็ว เข้าถึงแหล่งที่พัก แหล่งช้อปปิ้ง และแหล่งธุรกิจได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ดร.Allina Salim กรรมการผู้จัดการ กองทุน Jade Trust Fund International กล่าวว่า ทางกองทุนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนรถไฟฟ้าที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งทางกองทุนมีประสบการณ์การลงทุนมาในหลายๆเมืองแล้ว ก่อนที่จะเดินทางมาหารือร่วมกับทางจังหวัดภูเก็ตได้มีการหารือร่วมกันแล้วในส่วนของกองทุน ก็พร้อมที่จะเข้ามาลงทุน การเดินทางมาในวันนี้ก็เพื่อที่จะมารับทราบข้อมูลในเบื้องต้นและทราบว่าภูเก็ตมีการศึกษาโครงการนี้ไปแล้ว โดยทางเราจะนำข้อมูลที่ได้ศึกษาไปแล้วไปทำการศึกษาอีกรอบหนึ่ง โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 30 วันได้ข้อสรุปว่าจะเข้ามาลงทุนในรูปแบบใดทั้งในรูปแบบของเทิร์นคีย์ ร่วมลงทุน หรือเงินกู้ ซึ่งจะกลับมาหารือกับทางจัง
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์