ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ส่งนักประดาน้ำดำน้ำลึกลงค้นหาซากเรือพร้อมผู้สูญหายจากเหตุเรือไดว์วิ่งล่ม ขณะที่เรือหลวงพฤหัสของทัพเรือได้ใช้เครื่องซาวด์น่าค้นหาคาดพบจุดที่เรือจมแล้ว แต่จะต้องตรวจสอบว่าใช่ลำเดียวกับที่เกิดเหตุหรือไม่
พ.ต.อ.อนันต์ ห่วงสายทอง ผกก.กองบังคับการตำรวจน้ำ กล่าวถึงการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์เรือไดว์วิ่งล่มในฝั่งทะเลอันดามัน ว่าวันนี้เป็นวันที่ 3 ของการค้นหา ซึ่งในส่วนของตำรวจน้ำนั้นได้นำเรือออกไปค้นหาร่วมกับทัพเรือภาคที่ 3 อย่างต่อเนื่อง และวันนี้ (11 มี.ค) ทีมค้นหาได้นำเรือและเฮลิคอปเตอร์ออกค้นหาตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ค้นหาในระยะรัศมีวงกว้างประมาณ 10 ไมล์ทะเลโดยมีการเก็บหลักฐานต่างๆที่พบไว้ทั้งหมด
ส่วนการค้นหาใต้ทะเลนั้นเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาทางบริษัทเจ้าของเรือได้ส่งนักประดาน้ำชาวต่างประเทศที่มีความชำนาญในการดำน้ำลึกออกไปดำน้ำค้นหาจุดที่สงสัยว่าจะเรือลำที่เกิดเหตุจมอยู่ แต่จากการค้นหาก็ไม่พบอะไรเนื่องจากไม่ทราบจุดที่แน่นอนประกอบกับใต้ทะเลมืดมาก
อย่างไรก็ตาม สำหรับการค้นหาจุดเกิดเหตุเรือล่มที่จัดเจนและผู้สูญหายนั้นทางทัพเรือภาคที่ 3 ได้นำเรือหลวงพฤหัสออกค้นหาโดยใช้เครื่องซาวด์น่าค้นหา ซึ่งขณะนี้พบจุดที่สงสัยว่าน่าจะเป็นจุดที่เรือจมแล้วแต่จะเป็นเรือโชคอนันต์ 19 หรือไม่นั้นจะต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง โดยขณะนี้ทางบริษัทเจ้าของเรือได้ส่งนักดำน้ำลงไปสำรวจจุดที่ทางเรือหลวงพฤหัสได้ชี้จุดไว้ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นขณะนี้ยังไม่ระบุได้ แต่อย่างไรก็ตามการค้นหาก็ยังมีการดำเนินการต่อเนื่องทั้งทางอากาศและทางผิวน้ำ รวมทั้งในส่วนของการส่งนักประดาน้ำลงไปสำรวจจุดเรือล่ม
ขณะที่ นายโอฬาร เฮงเจริญ หัวหน้าสำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวเรื่องของเสื้อชูชีพที่ผู้รอดชีวิต และผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่สวมเสื้อชูชีพ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิตสำคัญบนเรือนั้นว่า อุปกรณ์ช่วยชีวิตบนเรือลำนี้ถูกต้อง และมีครบได้มาตรฐานอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเสื้อชูชีพ หรือแพช่วยชีวิต ที่มีไว้เกินกว่าจำนวนน้ำหนักผู้โดยสารที่เขียนไว้ด้านข้างของเรือ เนื่องจากเป็นเรือใหม่ เพิ่งจดทะเบียนเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา และเรือไม่ได้บรรทุกเกินน้ำหนักแน่นอน
แต่สาเหตุที่ประสบอุบัติเหตุเกิดจากถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าใส่ช่วงที่มีพายุฝน ที่สำคัญช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน นักท่องเที่ยว และผู้โดยสารทั้งหมด อยู่ระหว่างการพักผ่อนนอนหลับจึงไม่ได้มีการสวมใส่เสื้อชูชีพ และช่วงเกิดเหตุเป็นเวลากะทันหัน รวดเร็วมาก ทางกับตันเรือมีการแจ้งเตือนให้ผู้โดยสารสวมเสื้อชูชีพไม่ทัน
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารที่รอดชีวิตในครั้งนี้ก็เนื่องจากหลังจากที่เรือจมลอยคอกลางทะเล ก็สามารถที่จะว่ายน้ำขึ้นไปยังแพช่วยชีวิตที่จะดีดตัวออกจากที่เก็บด้านข้างเรือโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น จึงทำให้มีผู้รอดชีวิตจำนวนมาก และไม่มีผู้ใดสวมเสื้อชูชีพดังกล่าว ส่วนผู้ที่สูญหายคาดว่าน่าจะนอนหลับอยู่
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์