เอกชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน เรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งพร้อมตั้งรัฐบาลใหม่โดยเร็วที่สุด เพื่อทำให้การเมืองนิ่ง หวังสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้น เชื่อหลังการเมืองนิ่งภาคเอกชนเดินหน้าลงทุนแน่นอนหลังหยุดชะงักไม่ระยะหนึ่ง ส่งผลเศรษฐกิจโดยร่วมขยายตัว
ภายหลังจากที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมือง โดยวินิจฉัยไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และวินิจฉัยให้ยุบพรรคพรรคไทยรักไทยเมื่อคืนที่ผ่านมา ภาคเอกชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนต่างเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดเพื่อให้การเมืองนิ่ง สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนในการเข้ามาลงทุน ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยร่วมของประเทศดีขึ้น
นายชวนะ เกียรติชวนะเสวี รองประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ภายหลังจากที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้ตัดสินคดียุบพรรคการเมืองสิ้นสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีความชัดเจนมาก หลังจากนี้อยากจะให้ทางรัฐบาลดำเนินการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยโดยเร็วเช่นกัน
ทั้งนี้ เชื่อว่าภายหลังจากการตัดสินของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญเมื่อคืนที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศจะดีขึ้นอย่างแน่นอนในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ร่วมมทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินไว้ว่าเติบโตร้อยละ 3 น่าที่จะเติบโตสูงกว่าร้อยละ 4 อย่างแน่นอน และเชื่อว่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ก็จะดีเช่นกัน
“จากการที่ได้พูดคุยกับนักลงทุนชาวต่างชาติ นักลงทุนต้องการให้การเมืองของไทยนิ่งมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งผมเชื่อว่า หลังจากนี้นักลงทุนจะเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”
นายพัฒนพงศ์ เอกวานิช ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมภูเก็ต กล่าวว่า บรรยากาศที่เคยอึมครึม วันนี้ทุกอย่างแจ่มชัดขึ้น และทุกคนควรเคารพต่อคำวินิจฉัยของศาลฯ ซึ่งถือเป็นที่สุด มิฉะนั้นแล้วบ้านเมืองก็จะไม่สงบ จากนี้ไปอยากเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด
ขณะที่นายสมชาย ตันติเพชรชราพร ประธานหอการค้าจังหวัดพังงา กล่าวว่า คิดว่าการเมืองยังไม่นิ่งจนกว่าจะมีการจัดการเลือกตั้งและมีรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมา เพราะถึงวันนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะมีการเคลื่อนไหวอะไรทางการเมืองเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งทางที่ดีที่สุดที่จะให้การเมืองนิ่งที่สุด คือ การจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุดและให้มีรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็วที่สุด
“หลังจากวันนี้คิดว่าเศรษฐกิจของไทยคงจะไม่ดีขึ้นทันตาเห็น เพราะการเมืองยังไม่นิ่งทั้งหมด และไม่แน่ว่าจะมีเหตุการณ์วุ่นวายอะไรเกิดขึ้นอีก แต่หากมีการจัดการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้วเชื่อว่าเศรษฐกิจน่าที่จะดีขึ้น ดังนั้น ภาคเอกชนต้องการที่จะเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด เพื่อให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น”
นางสุดาพร ยอดพินิจ ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง กล่าวว่า หลังจากที่ตุลาการรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมืองไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 นับจากนี้ไปทำให้สถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ภาคธุรกิจก็จะได้เดินหน้าต่อไป เพราะก่อหน้านี้มีการคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ไม่มีใครกล้าลงทุน ทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศต้องหยุดชะงักไปนานนับปี
ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลชุดปัจจุบันจัดให้มีการเลือกตั้งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ นักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศก็จะมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น สามารถตั้งหลักได้ รู้ทิศทางในอนาคต ผลการพิพากษาคดียุบพรรคการเมืองที่ออกมาน่าจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อระบบการเมืองและเศรษฐกิจโดยรวม โดยส่วนตัวแล้วตนเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะทำให้นักลงทุนวางแผนทำธุรกิจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไป
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดกระบี่ ได้เปิดเผยถึงกรณีที่ทางตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้ตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย พร้อมพรรคไม้ประดับ อีก 3 พรรค ส่วนพรรคประชาธิปัตย์รอดพ้นจากการถูกยุบ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วเนื่องจาตุลาการรัฐธรรมนูญ ได้ชี้ขาดไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งทุกคนก็สามารถประเมินสถานการณ์ได้ตั้งแต่เริ่มแรก ว่าพรรคใดบ้างจะถูกยุบหรือไม่ถูกยุบ เพราะเท่าที่ฟังการอ่านคำพิพากษาก็ชี้จัดอยู่แล้ว ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามที่ใครบางคนออกมาโวยวาย
นายวัฒนา เปิดเผยต่อไปว่า ตนเชื่อว่าหลังจากนี้ความชัดเจนทางด้านการเมืองคงจะดีขึ้นตามลำดับ นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น เพราะหลายคนเชื่อว่าในปลายปีนี้ ก็คงจะมีการเลือกตั้งใหม่ตามที่ทางรัฐบาลได้สัญญาไว้อย่างแน่นอน หลังจากที่ทางตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้สั่งยุบพรรคการเมือง ไปแล้วก็ไม่ได้มีกลุ่มต่อต้านออกมาเคลื่อนไหวรุนแรงเหมือนอย่างที่ทุกคนเป็นห่วงก่อนหน้านี้ ก็จะทำให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ทุกคนเริ่มมองเห็นทางสว่าง ที่จะเดินไปข้างหน้า ทั้งด้านการเมืองและการลงทุนน่าจะดีขึ้น
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าหลังจากนี้ต่อไปทิศทางการลงทุนคงจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะความฮึมครึมด้านการเมืองได้จางหายไปหลังจากที่ทางตุลาการรัฐธรรมนูญได้ชี้ขาดออกมาแล้ว นักลงทุนมีความมั่นใจและพร้อมที่มาลงทุน โดยคาดการณ์ว่าในช่วงการลงทุนไตรมาส 3 การลงทุนคงจะคึกคักขึ้น เพราะไม่ต้องห่วงในเรื่องของการเมือง ถึงแม้ว่าในช่วงแรกทุกคนจะช็อกบ้างกับการตัดสิน แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็น้อมรับ
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์