ภูเก็ต, ?ไอเอ็นจี? เสนอตัวระดมทุนศูนย์ประชุมฯภูเก็ต รมต.ท่องเที่ยวนำทีมถกรายละเอียดวันจันทร์นี้ ( ข่าวภูเก็ต )

“บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย)” เสนอตัวระดมทุนก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติที่ภูเก็ต โดยการระดมทุนกว่าพันล้านบาท ก่อสร้างอาคารศูนย์ประชุมบนที่ราชพัสดุหนึ่งหมื่นที่นั่ง เผย หากไม่มีปัญหาอะไรก่อสร้างได้ภายในปีนี้ ขณะที่รัฐมนตรีท่องเที่ยว “สุวิทย์ ยอดมณี” นำทีมหน่วยงานเกี่ยวข้องหารือร่วมกับบริษัทและจังหวัดวันจันทร์นี้

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (25 พ.ค.) นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด และคณะ พร้อมด้วย นางสุวลัย ปิ่นประดับ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้เขต 4 เข้าพบนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อหารือกรณีที่ทางบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด สนใจที่จะเข้ามาระดมทุนก่อสร้างศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าที่จังหวัดภูเก็ต

นายมาริษ กล่าวว่า ภายหลังจากที่บริษัทรับทราบว่าทางจังหวัดภูเก็ตต้องการที่จะมีโครงการศูยน์ประชุมและแสดงสินค้าที่จังหวัดภูเก็ต แต่ยังขาดงบประมาณในการก่อสร้างและทางจังหวัดเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาลงทุนได้ ทางบริษัทจึงสนใจที่เข้ามาลงทุนศูนย์ประชุมฯที่ภูเก็ต เพราะที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะของการเข้าไปซื้อเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ โรงแรม และออฟฟิศบิวดิ้ง มาบริหาร และเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาได้จัดตั้งกองทุนในการก่อสร้างหอพักให้กับทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ด้วยเงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท

โดยการระดมทุนก่อสร้างอาคารหอพักและหลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จทางบริษัทได้เข้าไปเช่าที่ดินและอาคารเพื่อบริหารจัดการต่อเป็นเวลา 30 ปี ซึ่งในส่วนของศูนย์ประชุมฯที่ภูเก็ตนั้น จะใช้หลักการเดียวกับที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยการระดมทุนจัดตั้งเป็นกองทุนเข้ามาลงทุนก่อสร้างศูนย์ประชุมฯที่ภูเก็ต หลังจากนั้น ก็จะเช่าที่ดินและอาคารศูนย์ประชุมฯจากกรมธนารักษ์ และจ้างบริษัทเอกชนบริหารจัดการ เมื่อปีกำไรก็จะคืนกำไรให้กับผู้ที่ซื้อกองทุน

“ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าฯที่ภูเก็ตนั้น บริษัทสนใจที่จะเข้ามาระดมทุนในการก่อสร้างมาก เพราะภูเก็ตมีศักยภาพในการทำตลาดด้านประชุมสัมมนาและจัดแสดงสินค้ามาก และคิดว่าการประชุมทุนคงจะไม่ยากมากนักเพราะศักยภาพมีสูงอยู่แล้ว”

โดยขนาดของศูนย์ประชุมฯนั้น คาดว่า จะต้องมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 30,000-40,000 ตร.ม.อยู่บนเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 120 ไร่ มีทั้งห้องประชุมขนาดใหญ่ที่รองรับกลุ่มประชุมได้เป็น 10,000 คน ห้องจัดแสดงสินค้าต่างๆ ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไรนั้นจะต้องรับฟังความคิดเห็นของคนภูเก็ตก่อน แต่จะต้องเป็นศูนย์ประชุมฯที่เข้ากับบรรยากาศของทะเล อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน

นายมาริษ กล่าวอีกว่า หลังจากที่พบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในวันนี้ และผู้ว่าฯภูเก็ตเห็นด้วยที่บริษัทจะเข้ามาลงทุนและในวันจันทร์ที่ 28 พ.ค.นี้ บริษัทจะมาประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากนั้น บริษัทก็จะลงไปดูพื้นที่ ซึ่งทางจังหวัดกำหนดไว้ 2 จุด คือ ที่ท่าเรือน้ำลึกและไม้ขาว ศึกษาออกแบบรายละเอียดทั้งหมดเพื่อกำหนดงบประมาณที่ต้องใช้ นำโครงการเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อที่จะระดมทุน ซึ่งหากทางจังหวัดภูเก็ตและรัฐบาลสามารถที่จะได้ขอสรุปโครงการภายในเดือน มิ.ย.นี้ ทางบริษัทก็จะทำการออกแบบให้เสร็จภายในเดือน ก.ค.และ ก.ล.ต.อนุมัติระดมทุนในเดือน ก.ย.คาดว่า ประมาณเดือน ต.ค.ปีนี้จะสามารถก่อสร้างศูนย์ประชุมฯได้

ส่วนสถานที่ก่อสร้างที่ทางจังหวัดกำหนดไว้ 2 จุดนั้น คือ ที่ท่าเรือน้ำลึกและไม้ขาวนั้น ทางบริษัทยังไม่ได้ดูพื้นที่แต่อย่างใด ซึ่งความต้องการของบริษัทต้องการศูนย์ประชุมฯอยู่ติดทะเล เพื่อให้เข้ากับจังหวัดภูเก็ตและเป็นจุดขาย สามารถที่เข้าถึงศูนย์ประชุมฯได้ทั้งทางบกและทางทะเล และจะต้องใช้ที่ดินไม่ต่ำกว่า 120 ไร่

ขณะที่ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดีที่บริษัทดังกล่าวเข้ามาเสนอตัวลงทุนศูนย์ประชุมฯ เพราะตรงกับความต้องการของจังหวัดอยู่แล้ว หากรองบประมาณจากรัฐบาลคงจะอีกนาน เนื่องจากไม่มีงบประมาณที่จะมาก่อสร้าง และนายกรัฐมนตรีพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็กล่าวชัดเจนว่า ต้องการให้เอกชนเข้ามาลงทุนมากกว่าที่ใช้งบประมาณของภาครัฐและขณะนี้ทางจังหวัดได้มองพื้นที่ไว้ 2 จุดเป็นที่ราชพัสดุ ที่บริเวณท่าเรือน้ำลึก เนื้อที่ 70 ไร่กับที่ไม้ขาวอยู่ใกล้กัโครงการสปอร์ตคอมเพล็กซ์ แต่ที่ท่าเรือน้ำลึกนั้นคงต้องตัดออกไป เนื่องจากพื้นที่ไม่พอ เพราะศูนย์ประชุมจะต้องใช้เนื้อที่กว่า 120 ไร่

การลงทุนในที่ราชพัสดุนั้น สามารถดำเนินการได้ เพราะกฎหมายเปิดอยู่แล้วโดยคนลงทุนต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับภาครัฐการเข้ามาลงทุนของบริษัทกล่าวเป็นทางเลือกหนึ่งในการที่จะทำให้โครงการเกิดขึ้นได้จะรองบประมาณจากรัฐมาดำเนินการคงเป็นไปได้ช้า

อย่างไรก็ตาม คงจะต้องมีการประชุมหารือรายละเอียดโครงการในเร็วๆ นี้ ซึ่งวันที่ 28 พ.ค.ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาจะลงมาดูพื้นที่และหารือร่วมกับทางบริษัทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้นทางจังหวัดก็จะเรียกประชุมเพื่อสรุปรายละเอียดต่างๆ

นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่า หากโครงการนี้เกิดได้จริงได้ที่ไม้ขาวก็จะเป็นการสร้างเมืองใหญ่ในพื้นที่หัวเกาะ และต่อไปจะมีการลงทุนในโครงการอื่นๆ ตามมาอีกจำนวนมาก และยังเป็นเชื่อมโยงการท่องเที่ยวของ 3 จังหวัดอันดามันได้อีกด้วย และบริเวณไม้ขาวตรงกับความต้องการของภูเก็ต เนื่องจากอยู่ติดริมทะเล เพื่อเป็นแลนด์มาร์กและเป็นจุดขายที่สำคัญ และคิดว่าหากไม่มีปัญหาอะไร คาดว่า จะสามารถดำเนิการได้ภายในปี 2550 นี้

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์