นายกรัฐมนตรีย้ำให้สถาบันการศึกษาให้ความรู้คู่คุณธรรมในการประชุมทางวิชาการประจำปี 2550 ที่ภูเก็ต พร้อมเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดในอันดามัน ประชุมร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนทั้งการเตือนภัย ปัญหาขยะ น้ำ และเตรียมลงพื้นที่อันดามันในเร็วๆ นี้ หามาตรการทำให้การท่องเที่ยวยั่งยืน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (27 เม.ย.) ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการประจำปี 2550 ในข้อห้อ “ก้าวใหม่การบริหารงานบุคคลในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ” ซึ่งที่ประชุมประธานสภาข้าราชการและลูกจ้างมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (ปขมท.) ร่วมกับสภาข้าราชการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และปัตตานี จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 เม.ย.2550 นี้ โดยมีบุคลาการทางด้านการศึกษาต่างๆ ของรัฐเข้าร่วมประมาณ 600 คน
ในการเปิดการประชุมในครั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้มอบรางวัลบุคคลสายสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2550 และปาฐกถาพิเศษเรื่อง “บุคลากรสถาบันอุดมศึกษาของรัฐกับการพัฒนาชาติ” ว่า ย้ำสถาบันศึกษาให้ความรู้คู่คุณธรรม ในขณะนี้มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นในบ้านเมืองหลายๆ เรื่อง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อสังคม ทุกท่านในที่นี่มีส่วนที่จะเข้ามาสร้างให้สังคมเกิดความดีงาม นั่นคือ การสร้างคนให้มีความรู้และมีคุณธรรมที่ควบคู่กันไป ซึ่งถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก เมื่อ 2-3 วันก่อนเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการยุวชนโฆษกได้มาพบตนที่ทำเนียบรัฐบาล ได้ถามว่าคุณธรรมเริ่มจากจุดใดได้ตอบเยาวชนเหล่านั้นไปว่าคุณธรรมเริ่มจากใจของทุกคน
โดยเริ่มสร้างคุณธรรมจากสถาบันครอบครัวจากพ่อแม่แล้วค่อยๆ ขยายออกไป สถาบันการศึกษาถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างคนให้มีคุณธรรม ตนเองได้ตั้งใจว่าในการทำงานจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและบ้านเมือง ดูแปลกๆ อยู่เหมือนกันอาชีพผมเป็นอาชีพที่ใช้ความรุนแรง มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ประหัตประหารณ์กัน แต่ในอาชีพของผมได้สอนให้ใช้ทางเลือกในการประหัตประหารณ์เป็นทางเลือกสุดท้ายหลังจากไม่มีทางเลือกอื่นๆ เช่นเดียวกับการปกป้องประเทศชาติที่เป็นทางเลือกสุดท้าย
รัฐบาลต้องการที่จะพัฒนาการศึกษาให้ก้าวไปข้างหน้า อยากเห็นสถาบันการศึกษาเข้ามาช่วยเหลือสังคม รวมมือกันทำงานกับสังคมให้มากขึ้น รวมทั้งร่วมมือกับท้องถิ่นในการพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญขึ้น อย่างกรณีของมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งเป็นสถานบันการศึกษาที่อยู่ใกล้ท้องถิ่นมากที่สุด สามารถที่จะช่วยท้องถิ่นให้มากโดยให้ดูศักยภาพของท้องถิ่นนั้นว่ามีศักยภาพในการพัฒนาด้านใดบ้าง
อย่างกรณีของมหาวิทยาลัยราชภัฏเพรชบุรี ซึ่งตนเป็นประธานสภามหาวิทยาอยู่ได้เข้าไปทำงานร่วมกับท้องถิ่นในการพัฒนาที่มุ่งเน้นในเรื่องของการเกษตร ซึ่งก็เช่นเดียวกับฝั่งทะเลอันดามันที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว สถาบันการศึกษาสามารถที่จะร่วมมือกับฝ่ายปกครองท้องถิ่นในการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและหามาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นภัยสึนามิ ภัยธรรมชาติ ที่เห็นชัดเมื่อเร็วๆ นี้ได้เกิดภัยธรรมชาติที่ตรังมีคนเสียชีวิต 37 คน ต้องหามาตรการป้องกันเพราะเมื่อเกิดเหตุการท่องเที่ยวก็สะดุด เพราะคนไม่กล้ามาเที่ยว
รวมทั้งการทำงานวิจัยด้านต่างๆ ที่จะสนับสนุนการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยที่เกี่ยวกับขยะ น้ำเสีย ความสามารถของพื้นที่ในการรองรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างความตระหนักให้กับผู้ประกอบการให้การหาจุดสมดุลร่วมกัน เป็นต้น
การศึกษาแก้ปัญหาภาคใต้ระยะยาว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวเชื่อมั่นว่า การศึกษาจะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวของปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะการที่ให้เยาวชนได้แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น เปิดโลกทัศน์ที่กว้างออกไปและการศึกษาที่มีมาตรฐานจะเป็นการสร้างโอกาสให้เยาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีโอกาสและทางเลือกมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่มีทางเลือกแค่การเรียนศาสนาเพียงอย่างเดียว เมื่อจบออกมาก็เป็นครูสอนศาสนาในโรงเรียนมาตีก้าหรือโรงเรียนปอเนาะ หากเปิดโอกาสการเรียนอย่างอื่นๆ ให้เยาวชนบ้าง จะเป็นการสร้างโอกาสและทางเลือกให้กับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวในตอนท้ายว่า บทบาทของสถาบันการศึกษาสำคัญยิ่ง ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยกันในการพัฒนาตั้งแต่ระดับท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติ และหน้าที่นี้จะต้องทำไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ
นายกฯเตรียมลงพื้นที่อันดามัน
หามาตรการทำท่องเที่ยวยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมานายกรัฐได้เรียกผู้ว่าราชการจังหวัดในอันดามัน 5 จังหวัดประชุมร่วม ทั้งภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง และตรัง และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังเปิดการประชุมวิชาการประจำปี ว่า ได้มีการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดในฝั่งอันดามัน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากน้ำป่าไหลหลากที่จังหวัดตรัง ซึ่งทำให้ประชาชนเสียชีวิตถึง 37 คน รวมถึงความร่วมมือของจังหวัดต่างๆในการดูแลการท่องเที่ยวให้ยั่งยืนทั้งในเรื่องของการดูแลธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น ยังรวมปัญหาน้ำอุปโภค-บริโภค น้ำเสีย ขยะ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะต้องร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ให้ความสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่งในขณะนี้ คือ เรื่องของการแจ้งเตือนประชาชนในเรื่องของภัยธรรมชาติที่ทำให้เกิดปัญหาหากับประชาชน เพราะทุกวันนี้เห็นอยู่แล้วว่าสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะเกิดก็เกิดขึ้นได้จากธรรมชาติ เพราะฉะนั้นเราจะต้องไม่ประมาทจะต้องเตรียมการในเรื่องของมาตรการป้องกันต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยกันหารือเพื่อหาทางป้องกัน โดยในเร็วๆ นี้ตนจะลงมาประชุมร่วมกับจังหวัดต่างๆ อีกครั้ง เพื่อที่จะช่วยหาทางสนับสนุนทางด้านต่างๆ ตามที่ได้มีการเสนอ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับการเดินทางมาประชุมร่วมกับจังหวัดต่างๆ นั้น ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ขึ้นอยู่กับความพร้อมของทางจังหวัด หากจังหวัดพร้อมก็จะลงมาหาแนวทางร่วมกันทันที รอเพียงจังหวัดประสานไปยังสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
ส่วนจังหวัดภูเก็ตนั้นได้มีการหารือกันในเรื่องที่หลายหน่วยมีความห่วงใยในปัจจุบัน ขยะ น้ำ อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องของการแก้ไขปัญหาขยะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้นขณะนี้ทางจังหวัดได้เสนอของบประมาณในการจัดสร้างเตาเผาขยะเพิ่มเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการกำจัดขยะ ขณะนี้เรื่องนี้ทางรัฐบาลได้รับเรื่องไว้แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นอกจากปัญหาที่กล่าวมาแล้ว ในพื้นที่ยังมีปัญหาเร่งด่วนที่จะต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยกันดูแลศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวที่มีอยู่และรักษาให้ยั่งยืนได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้จะต้องได้รับความร่วมมือในการที่จะช่วยกันและร่วมมือกันดูแลรักษาแหล่งท่องเที่ยวให้ยั่งยืน ซึ่งในส่วนของมหาวิทยาลัยเองก็มีส่วนที่จะช่วยกันวิจัยเพื่อที่จะนำผลงานมาดูแลศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวให้ดีให้ยั่งยืนต่อไป
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์