ภูเก็ต, ธนารักษ์ภูเก็ตขนที่ออกประมูลอีก 2 แปลง ( ข่าวภูเก็ต )

ธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต เดินหน้านำที่ราชพัสดุ มาจัดหาประโยชน์เพิ่ม ปี 50 เตรียมเปิดให้เอกชนประมูล 2 แปลง ขณะที่ที่ดินที่เปิดประมูลปี 49 ยังไม่ได้ดำเนินโครงการ รอกรมฯพิจารณาแบบก่อนลงนามในสัญญา
      
นายธำรงค์ ทองตัน ธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต กล่าวถึงการนำที่ราชพัสดุมาจัดหาประโยชน์ เพื่อให้เอกชนเข้ามาดำเนินการพัฒนาที่ดิน ว่า ในส่วนของปี 2550 สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต มีที่ดินที่จะนำมาจัดหาประโยชน์จำนวน 2 แปลง ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเปิดให้เอกชนยื่นซองเสนอโครงการเข้ามา
      
แปลงแรกอยู่ในซอยหลังแทนทาลัม ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา ซึ่งแปลงนี้เคยเปิดประมูลไปแล้วหนึ่งครั้ง มีผู้ยื่นซองเข้ามาจำนวน 5 ราย แต่ทุกรายเสนอแบบไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวกำหนดให้เป็นย่านที่อยู่อาศัย ทำให้ต้องยกเลิกไป โดยจังหวัดจะเปิดประมูลครั้งที่ 2 ซึ่งจะมีการยื่นซองประมูลในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ ในราคากลางที่ตั้งไว้ที่ 297,000 บาท ส่วนค่าตอบแทนให้รัฐตอนนี้อยู่ระหว่างให้ผู้สนใจเสนอเข้ามา
      
ส่วนแปลงที่ 2 ที่จะเปิดให้มีการประมูลในปีนี้ คือ แปลงที่อยู่ติดหน้าหาดไนทอน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ตอนนี้กำลังรอผลการพิจารณาของกรมธนารักษ์ ว่า ควรที่จะให้มีการเปิดประมูลหรือไม่ เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวมีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องหลายฉบับ และมีข้อจำกัดในเรื่องของการก่อสร้าง
      
สำหรับที่ดินแปลงนี้มีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ แต่สามารถก่อสร้างได้ที่ประมาณ 1 ไร่เศษ เพราะฉะนั้นที่ดินส่วนนี้ ต้องรอกรมฯพิจารณาว่าถ้าเปิดประมูลแล้วควรกำหนดราคากลางเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดทะเล มีศักยภาพสูง ทำให้ราคาที่ดินสูงตามไปด้วย
      
นายธำรงค์ ยังได้กล่าวต่อไปถึงการนำที่ดินราชพัสดุมาจัดหาประโยชน์ในปี 2549 ว่า ปี 2549 ได้นำที่ดินมาจัดหาประโยชน์และยื่นซองประมูลไปแล้วจำนวน 2 แปลง คือ แปลงที่ติดกับท่าเรือน้ำลึก เนื้อที่ 25 ไร่ 3 งาน ซึ่งได้ผู้ลงทุนเรียบร้อยแล้ว คือ บริษัท อินเทนซีฟ เมคคานิคส์ จำกัด เสนอลงทุนเป็นที่จอดเรือและซ่อมเรือยอชต์ (มารีนา) ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการเปิดประมูล และเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของจังหวัดภูเก็ต โดยมีมูลค่าในการลงทุนประมาณ 170 กว่าล้านบาท พร้อมจ่ายผลตอบแทนให้รัฐ 10.5 ล้านบาท ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนส่งแบบแปลนให้กรมธนารักษ์พิจารณา จากนั้นก็ลงนามและเริ่มก่อสร้างได้เลย ซึ่งการก่อสร้างจะต้องดำเนินการภายใน 2 ปีหลังจากที่ลงนามเซ็นสัญญา
      
ส่วนแปลงที่ 2 อยู่ที่ตำบลเทพกระษัตรี อยู่ใกล้กับศูนย์วิจัยยาง แต่เป็นเนื้อที่ 3 เหลี่ยม เนื้อที่ประมาณ 8 ไร่กว่า ก็ได้ผู้ลงทุนแล้วเช่นเดียวกันตอนนี้อยู่ระหว่างการทำสัญญา ตรงนี้จะสร้างเป็นที่พักอาศัยแบบลองสเตย์ โดยส่วนหนึ่งจะแบ่งเป็นลักษณะของบ้านเดี่ยว มีประมาณ 4-5 หลัง นอกนั้นก็จะออกมาในรูปแบบของอพาร์ตเมนต์ เป็นอาคารชุด และก็จะมีการจัดภูมิทัศน์เป็นส่วนใหญ่ด้วย เนื่องจากพื้นที่ส่วนที่ติดถนนเป็นสามเหลี่ยม ทำอะไรได้ไม่มาก สำหรับแปลงนี้ตกลงจ่ายค่าตอบแทนให้รัฐ เงินก้อนแรกอยู่ที่ 1.1 ล้านบาท
      
นายธำรงค์ ยังได้กล่าวต่อถึงการนำที่ดินราชพัสดุที่ปัจจุบันเป็นที่ดินที่หน่วยงานราชการใช้เป็นสถานที่ในการปฏิบัติงานจำนวน 4 แปลง ประกอบด้วย ที่ว่าการอำเภอเมือง สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต ประมงจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มาจัดหาประโยชน์เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า โดยจะย้ายหน่วยงานทั้ง 4 ไปอยู่ที่ที่ราชพัสดุแปลงทรัพยากรธรณี เขต 2
      
ความคืบหน้าขณะนี้ มีการจัดทำผังที่ดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้น จะมีการเปิดประมูลเพื่อให้เอกชนเข้ามาพัฒนาที่ดิน ที่เป็นหน่วยงานราชการทั้ง 4 แห่งในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการประชุมกันแล้ว พบว่า หน่วยงานต่างๆ เห็นด้วยและยอมที่จะส่งที่ดินคืนให้แก่ธนารักษ์ มีเพียงหน่วยงานที่ว่าการอำเภอเท่านั้น ที่ยังไม่ยอมรับข้อเสนอของธนารักษ์ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการหารือ และจะมีการประชุมในระดับกรมอีกครั้ง
      
“อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นของการส่งคืนนั้นไม่ขัดข้อง แต่ประเด็นขัดข้องอยู่ที่การชดเชย เนื่องจาก อำเภอต้องการพื้นที่ที่จะไปอยู่เป็นเอกเทศ ไม่อยากไปอยู่ในรูปแบบของอาคารที่เป็นศูนย์ราชการ” นายธำรงค์ กล่าวและว่า
      
สำหรับการเปิดประมูลที่ดินใจกลางเมืองทั้ง 4 แปลง ขณะนี้มีเอกชนสนใจที่จะยื่นซองประมูลเข้ามาแล้ว แต่ธนารักษ์ยังไม่ได้เปิดให้มีการประมูล เพราะที่ดินยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งถ้ายังแก้ไขปัญหาในส่วนของอำเภอเมืองไม่ได้ อาจจะเปิดให้มีการประมูล 3 แปลงก่อน แต่ถ้าสามารถแก้ไขปัญหาได้ทัน ก็จะเปิดให้มีการประมูลพร้อมกันทั้ง 4 แปลง
      
ทั้งนี้ การพัฒนาที่ดินทั้ง 4 แปลงได้มีการศึกษาความเหมาะสมไว้บ้างแล้ว และมีข้อเสนอแนะของผลการศึกษา ว่า พื้นที่ของพาณิชย์จังหวัด คงจะออกมาในรูปของกิจกรรมเกี่ยวกับเรื่องของร้านหนังสือ อย่างร้านเส้งโห เพราะได้รับการตอบรับจากประชาชนมากพอสมควร
      
ในส่วนของพื้นที่ทางอำเภอ และเขตพื้นที่การศึกษา ก็เสนอแนะว่า ควรจะเป็นพลาซ่า และมีส่วนที่อยู่อาศัยด้วย ขณะที่สำนักงานประมง ก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก เนื่องจากมีเนื้อที่น้อย ก็คงจะดูในเรื่องของการปรับปรุง ดัดแปลงอาคารที่มีอยู่เดิมมากกว่าว่าควรที่จะทำอะไร เพราะว่าเมื่อดัดแปลงต้องถอยร่นไปมาก ไม่สามารถที่จะสร้างอาคารมาตรฐานได้

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์