เอสเอ็มอีแบงก์สาขาภูเก็ตปล่อยสินเชื่อปี 49 ได้แค่ 160 ล้านบาทต่ำกว่าเป้าเกือบ 50% คุยปี 50 กระจายกลุ่มลูกค้าไปยังธุรกิจอื่นนอกเหนือจากท่องเที่ยว หวังทำเป้าให้ได้ 300 ล้านบาท คาดเดือน เม.ย. 50 อนุมัติปล่อยสินเชื่อได้ 120 ล้านบาท
นายขวัญชัย รัตนญาติ ผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สาขาภูเก็ต กล่าวถึงการปล่อยสินเชื่อของธนาคารเอสเอ็มอี สาขาภูเก็ตว่า ในช่วงปี 2549 ที่ผ่านมาธนาคารเอสเอ็มอี ได้ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการรายย่อยหรือเอสเอ็มอี ในภูเก็ตไปได้เพียง 160 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังการลงทุนทำธุรกิจต่างๆ ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบและการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และการปรับเปลี่ยนองค์กร ทำให้การปล่อยสินเชื่อของเอสเอ็มอีแบงค์ทำได้ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้เกือบ 50% ซึ่งในปี 2549 นั้นทางเอสเอ็มอีแบงก์ตั้งเป้าที่จะปล่อยสินเชื่อให้ได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
โดยกลุ่มที่ใช้บริการสินเชื่อกับทางธนาคารเอสเอ็มอี จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจโรงแรมประมาณ 40% รองลงมาจะเป็นกลุ่มค้าปลีกและค้าส่ง 30% ที่เหลือจะกระจายอยู่ในธุรกิจบริการ สปา กลุ่มร้านอาหาร
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์มีปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไข คือ ปัญหาเรื่องของ NPL ของลูกค้า ซึ่งตั้งแต่มีการตั้งธนาคารมามีการปล่อยสินเชื่อไปจำนวน 824 ล้านบาท มีหนี้ NPL.เกิดขึ้น 20.04% หรือประมาณ 137 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ที่ปล่อยมาจากส่วนกลาง ส่วนสินเชื่อที่เกิดขึ้นในส่วนของสาขานั้นมีน้อยมากโดยเป็นสินเชื่อที่ปล่อยให้กับผู้ประสบภัยสึนามิซึ่งมีเพียว 4 รายเท่านั้นและวงเงินประมาณ 2 ล้านบาท
ผู้จัดการธนาคารเอสเอ็มอี สาขาภูเก็ต ยังได้กล่าวถึงการปล่อยสินเชื่อในปี 2550 ว่า ทางธนาคารตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 300 ล้านบาทและคาดว่าในเดือน เม.ย 2550 นี้จะมีการอนุมัติสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการประมาณ 120 ล้านบาท จากจำนวนที่ยื่นขอไปกว่า 180 ล้านบาท โดยในปี 2550 นั้นจะมีการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มลูกค้า 3 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มลูกค้าเดิมที่เป็นลูกค้าชั้นดี โดยกลุ่มนี้จะปล่อยสินเชื่อเพิ่มจำนวน 100 ล้านบาท
ส่วนอีกกลุ่มเป็นการส่งเสริมกลุ่มลูกค้าในกลุ่มพันธมิตร เช่นกลุ่มของสำนักงานอุตสาหกรรมที่จัดอบรมให้ความรู้เรื่องของการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนโดยการนำเครื่องจักรมาใช้ในการแปลงสินทรัพย์เป็นทุด กลุ่มนี้จะปล่อยสินเชื่อประมาณ 50 ล้านบาท และกลุ่มลูกค้าใหม่ที่นอกเหนือจากธุรกิจท่องเที่ยวที่ปล่อยอยู่ เช่น กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มค้าปลีกค้าส่ง กลุ่มค้าปลีกค้าส่งวัสดุก่อสร้าง กลุ่มร้านอาหารและอื่นๆ เช่นกลุ่มมารีน่าซึ่งเป็นธูรกิจที่น่าสนใจ โดยกลุ่มนี้จะปล่อยสินเชื่ออีกจำนวน 150 ล้านบาท
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์