ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ติดตามงานตามนโยบายรัฐบาลเน้นแก้ปัญหายาเสพติด /ช่วยเหลือคนชรา-ส่งเสริมการท่องเที่ยว
นายนัที เปรมรัศมี ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการ 17 กล่าวในการนำคณะเดินทางมาตรวจการปฏิบัติงานราชการของหน่วยงานในจังหวัดภูเก็ต ตามนโยบายของรัฐบาล ประกอบด้วย การดูแลและสงเคราะห์เบี้ยยังชีพให้แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาส การส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชนในชุมชนและท้องถิ่น การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ การให้หลักประกันสุขภาพกับประชาชน การดูแลรักษาความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว และการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ทั้งนี้ มีนายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจงการดำเนินงาน ว่า จากการติดตามการดำเนินงาน ตามนโยบายรัฐบาลของหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย โครงการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ป่วย เอดส์ ซึ่งเป็นการถ่ายโอนให้กับท้องถิ่น จากที่ได้รับรายงานและเอกสาร เกี่ยวกับการวางแผนงานในการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง พบว่า เป็นตามเป้าหมายที่วางไว้
โครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น ซึ่งมีผู้แทนจากอุตสาหกรรมจังหวัดมาชี้แจง โดยพิจารณาเกี่ยวกับการประสานงานกับส่วนราชการอื่นๆ ในการส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในแง่ยุทธศาสตร์ของพื้นที่ พบว่า มีการดำเนินการอย่างถูกต้องตรงกับวัตถุประสงค์ที่วางไว้
โครงการบูรณาการบำบัดรักษาฟื้นฟู และพัฒนาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดในระดับพื้นที่ ซึ่งมีหน่วยงานเกี่ยวข้องหลายหน่วย เช่น สาธารณสุขจังหวัด แรงงาน จังหวัด ตำรวจ ท้องถิ่น เป็นต้น ในเรื่องนี้ได้กำชับให้ป้องกันเพื่อไม่มีให้มีสถิติเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการเข้าไปดูแลผู้ต้องโทษ และผู้สมัครใจให้ตัวถึง โดยมีตัวชี้วัดตัวหนึ่ง คือ การเข้าถึงชุมชน และเชิญชวนผู้เสพเข้ารับการดูแลรักษา และฟื้นฟูด้วยความสมัครใจ
โครงการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นโครงการที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของ
รัฐบาล ที่เน้นการป้องกันโรคมากกว่าการรักษา ซึ่งมีการตรวจสอบถึงกระบวนการดำเนินการว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้การดำเนินการไปตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งก็เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และได้ฝากถึงการดูแลในส่วนของแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันมิให้โรคที่หายไปแล้วกลับคืนมาอีก
โครงการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งในครั้งนี้ได้ติดตามในเรื่องของโครงการ
อบรมอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และโครงการจัดทำฐานข้อมูลประวัติอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสายตรวจ เนื่องจากได้มีการของบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว เป็นการติดตามว่ามีแผนงานในการอบรมอย่างไร พบว่า มีทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งรัฐบาลต้องการให้เป็นตัวแทนของคนไทย และปลูกจิตสำนึกว่าอาสาสมัครจะมาช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้อย่างไร
โครงการสุดท้าย งานด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นและจะเป็นตัวอย่างในเรื่องของการบูรณาการทำงานให้มีความชัดเจน ซึ่งของภูเก็ตเน้นในส่วนของอุทยานสิรินาถ ได้รับคำชี้แจงว่า ได้มีการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ มาอย่างต่อเนื่อง
นายนัที กล่าวต่อว่า ในการติดตามงานครั้งนี้ เทศบาลนครภูเก็ตได้ฝากติดตามความคืบหน้าโครงการแก้ปัญหาขยะล้นเมือง ซึ่งได้เสนอของบประมาณไปแล้วหลายครั้ง และเป็นโครงการเร่งด่วนที่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งจะได้นำเสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเขตตรวจราชการนี้ได้รับทราบ เพราะมีการคาดการกันว่าในปี 2551 หากไม่มีการดำเนินการแก้ไขขยะจะล้นเมืองแน่นอน แม้ว่าจะมีโรงเตาเผาอยู่แล้วแต่ก็ใช้งานได้ เพียงหัวเดียวรองรับปริมาณขยะได้วันละ 250 ตัน แต่ปัจจุบันขยะเพิ่มขึ้นสูงถึง 500 ตัน
นอกจากนี้ ยังได้มีการวางแผนงานในการจัดการไว้แล้ว เพียงแต่ยังขาดงบประมาณ ซึ่งมีการเสนอขอไปประมาณ 1,000 ล้านบาท
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์