ชาวภูเก็ตเทิดทูนเกียรติสองวีรสตรีเมืองถลาง พร้อมร่วมชมการแสดง แสง สี เสียง ละครอิงประวัติศาสตร์ ที่เปิดฉากวันแรกอย่างยิ่งใหญ่ ตระการตา
เริ่มแล้วพิธีเปิดงานเฉลิมฉลองวันชนะศึกของสองวีรสตรีภูเก็ต ท้าวเทพกระษัตรี–ท้าวศรีสุนทร โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.ยุวัฒน์ วุฒิเมธี ประธานมูลนิธิท้าวเทพกระษัตรี–ท้าวศรีสุนทร เป็นประธานในพิธี ณ อนุสรณ์สถานถลางชนะศึก (โคกชนะพม่า) บ้านเหรียง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อคืนวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา
นางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายก อบจ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเทิดทูนเกียรติและรำลึกถึงวีรกรรมของสองวีรสตรีเมืองถลาง ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทร อีกทั้งเพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวของภูเก็ต ด้วยการฟื้นฟูและผลักดันให้โคกชนะพม่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าเชิงประวัติศาสตร์ ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ดังนั้น อบจ.ภูเก็ต จึงกำหนดจัดงานเฉลิมฉลองวันชนะศึกของสองวีรสตรีภูเก็ต ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทรขึ้นในระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2550 ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งจัดให้มีการแสดง แสง สี เสียง ละครอิงประวัติศาสตร์ โดยเปิดให้เข้าชมฟรี
นอกจากนี้ ยังมีลานวัฒนธรรมรวบรวมศิลปะพื้นบ้านจากทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ที่หาชมได้ยากในปัจจุบันมาแสดง เช่น หมากเก็บ หนังตะลุง การละเล่นพื้นบ้าน การแสดงดนตรีไทย เป็นต้น การแสดงจินตลีลา การสาธิตการทำขนมพื้นบ้าน การแข่งขันปรุงอาหารพื้นเมืองภูเก็ต ประเภท ข้าวยำ เกลือเคย น้ำพริกหยำ การออกบูธจำหน่ายอาหารและผลิตภัณฑ์ OTOP ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจร่วมชมงานนับพันคน
ด้าน อาจารย์สาวิตร พงศ์วัชร์ ผู้อำนวยการศูนย์สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เปิดเผยว่า การแสดง แสง สี เสียง ละครอิงประวัติศาสตร์สองวีรสตรีในปี 2550 มีความอลังการ สวยงามตระการตามากขึ้น โดยใช้นักแสดงกว่า 850 คน ปรับเปลี่ยนเครื่องแต่งกายนักแสดงใหม่ทั้งหมดและปรับเปลี่ยนฉากไม่ให้ซ้ำกับปีที่ผ่านมา โดยคณะทำงานฝ่ายศิลปกรรม ได้จำลองเมืองถลางในสมัยนั้นแบบสามมิติ มีความสมจริงมากยิ่งขึ้น
ส่วนบทละครนั้น มีทั้งหมด 9 ฉาก โดยฉากแรก คือ พิชัยยุทธหาญกล้า ศึกไทยพม่า 9 ทัพเริ่มต้นที่พระเจ้าปดุง กษัตริย์แห่งกรุงหงสาวดี เปิดศึกเก้าทัพมุ่งหมายเข้าตีสยามประเทศ ซึ่งนับเป็นศึกครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่มีการทำสงครามกับพม่า
ฉากที่ 2 คือ เบิกฟ้ามหานครินทร์ ซึ่งตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาธรรมไตรโลก พระยาพิพิธโภคไคยพร้อมด้วยพระยาฤาราชนิกูล ยกกองทัพกรุง มาจับกุมตัวเจ้าเมืองตะกั่วทุ่ง เพื่อรับพระราชวินิจฉัยโทษฐานเป็นกบฏต่อแผ่นดิน แต่ครานั้นเจ้าเมืองตะกั่วทุ่งถึงแก่อนิจกรรม กองทัพกรุงจึงตั้งมั่นอยู่ที่ค่ายปากพระ รอดูท่าทีเมืองถลาง
ฉากที่ 3 คือ ถิ่นถลาง เจ้าเมืองถลางกำลังป่วยหนัก ส่วนกองทัพกรุง ซึ่งตั้งมั่นอยู่ที่ค่ายปากพระก็มีหนังสือมาขอดีบุกค่าผ้าที่ค้างอยู่ ขณะที่พม่ากำลังยกทัพมาตีเมืองถลาง
ฉากที่ 4 คือ กลางไฟสงคราม เจ้าเมืองถลางได้ถึงแก่อนิจกรรม และเป็นช่วงเวลาที่สยามประเทศเริ่มเกิดความแตกแยก กองทัพกรุงเตรียมจับกุมตัวท่านผู้หญิงจันไปยังเมืองกรุง เนื่องจากขาดส่งส่วยดีบุก
ฉากที่ 5 คือ ยามทุกข์ เป็นฉากที่นำศพเจ้าเมืองถลางไปตั้งไว้ที่วัดพระนางสร้าง ในขณะที่พม่าก็กำลังยกทัพใกล้เมืองถลางเข้ามาเต็มที ส่วนพระยาพิพิธโภคัยก็เดินทางมาถึงเมืองถลางเพื่อควบคุมตัวท่านผู้หญิงจันไปยังเมืองกรุง
ฉากที่ 6 คือ ค่ายปากพระ กองทัพพระยาพิพิธโภคัยที่กำลังควบคุมตัวท่านผู้หญิงจัน ได้เจอกับกองทัพพม่า โดยฉากนี้แสดงถึงความชาญฉลาดของท่านผู้หญิงจันที่สามารถวางแผนฝ่าวงล้อมทัพพม่ากลับมายังเมืองถลางได้อีกครั้ง
ฉากที่ 7 ระดมพล ท่านผู้หญิงจัน คุณมุก พระภูเก็จเทียน และแม่ปราง ตลอดจนชาวถลาง ได้ไปขอพรที่วัดพระนางสร้าง เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และได้ระดมพลเตรียมพร้อมสำหรับทำศึก
ฉากที่ 8 หาญกล้าการศึก เป็นการทำศึกรบระหว่างชาวเมืองถลางกับพม่า จนท้ายที่สุดก็สามารถชนะทัพพม่าได้ในวันที่ 13 มีนาคม 2328 ก่อให้เกิดวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของสองวีรสตรี
ฉากที่ 9 ฉากสุดท้าย รำลึกใต้ร่มพระบารมี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ปูนบำเหน็จให้ท่านผู้หญิงจันเป็นท้าวเทพกระษัตรีและคุณมุกเป็นท้าวศรีสุนทร นับแต่นั้นมา
ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์